เทรนด์น่ารู้ของ HR ก่อนเข้าปี 2024
เมื่อตำแหน่ง HR คือช้างเท้าหน้าในเฟ้นหาพนักงานที่มีคุณภาพเข้ามาขับเคลื่อนองค์กร ในแต่ละปี ก็จะมีการแปลงเปลี่ยนของตลาดที่ทำให้เราต้องวิ่งตามและปรับตัวเพื่อให้ตามทันไม่ตกเทรนด์ เพราะปัจจุบันนี้ไม่ได้มีแค่ทรัพยากรบุคคลแล้วที่เข้ามามีส่วนในการทำงาน แต่หากมีเทคโนโลยีในการเข้ามามีส่วนในการทำงานอีก
ในปี 2024 ตำแหน่ง HR จะต้องพัฒนาและปรับตัวตามให้ทันอีกหลายเทรนด์ที่เข้ามามีส่วนในการเปลี่ยนแปลงบริษัท หากเรานั้นปรับตัวตามได้ทันก็จะสร้สงองค์กรที่แข็งแกร่ง และการบริหารคนในรูปแบบใหม่ที่จะช่วยบาลานซ์บริษัทให้นั้นดีขึ้น
รู้ถึงเป้าหมายขององค์กร
ในการทำงานตำแหน่ง HR สิ่งที่เราควรรู้คือองค์กรของดรามีเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ยังไง ตลอดจนเรานั้นมีทิศทางการเดินไปสู่จุดหมายอย่างไร เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วย่อมต้องมีนโยบายธุรกิจตลอดจนนโยบายองค์กรที่ออกมาเป็นแนวทางปฎิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย หากเรารู้ถึงในข้อนี้ก็จะหาคนที่ตรงใจในการทำงานกับองค์กรได้อย่างง่ายดาย การพัฒนาองค์กรที่มีประสิทธิภาพนั้นคือการที่ทุกคนต้องร่วมขับเคลื่อนองค์กรร่วมกัน ในฐานะ HR ที่เป็นกองหน้าในการดูแลทรัพยากรบุคคล เราเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนบริษัท ในข้อนี้เราจะต้องหาคำตอบกับตัวเองให้ได้ว่า เป้าหมายที่องค์กรของเราต้องการนั้นคืออะไร
รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่องค์กร
Hr ควรรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่องค์กร เราควรรู้ว่าอะไรจะสร้างผลประโยชน์ให้แก่องค์กรของเรา และปัญหาอะไรที่ทำให้เราต้องตัดใจตัดทิ้งเพื่อให้องค์กรของเรานั้นไปได้ต่อ ในตลาดแรงงานที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด Hr ก็จะต้องหมุนตามไปด้วย เพื่อให้แก้ไขปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้ หรือเพื่อหาหนทางที่สร้างผลประโยชน์ใหม่ ๆ แก่องค์กร
แก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน
ช่วงนี้หลายบริษัทกำลังมองหาสวัสดิการใหม่ ๆ มาให้กับพนักงาน แต่ในบางบริษัทก็มีปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่สวนทางกับการเติบโตของบริษัท ในฐานะที่เรานั้นเป็น Hr เราจะต้องหาทางประยุกต์ใช้ ให้ปัญหาประสิทธืภาพการทำงานของพนักงานนั้นควบคู่ไปกับการเติบโตของบริษัท เพื่อเป็นการคงผลประโยชน์ของบริษัทไว้ เช่น การประเมินการทำงานทุกไตรมาส , การสอบวัดระดับของบริษัทในตำแหน่งที่มีการพัฒนาตลอดเวลา การทำเช่นนี้จะทำให้เราทราบถึงการทำงานของพนักงาน และทราบถึงปัญหาที่พนักงานต้องประสบอยู่
ให้ความสำคัญแก่ความแตกต่าง
การเปิดกว้างในการรับพนักงานให้มากขึ้น ลดข้อจำกัดในการรับคนเข้าทำงาน ข้อจำกัดอาทิเช่น เพศ อายุ หรือความพิการบางข้อ เพราะในตลาดปัจจุบันมีแรงงานน้อยลงอย่างมาก ทำให้บางตำแหน่งของบริษัทอาจใช้เวลาถึง 30 วัน ในการหาคนเข้ามาทำงานด้วย หากเรายังคงคำนึงในข้อจำกัดที่ไม่เป็นผลต่อการทำงาน อาจทำให้เราต้องขาดแคลนแรงงานในการทำงานในตำแหน่งนั้น ๆ เราควรมองหาคนที่มีข้อแตกต่าง เช่น คนที่ไม่ได้จบตรงสายแต่มีประสบการณ์ , ผู้พิการบางอย่างแต่ยังคงทำงานได้ดีไม่มีปัญหา
ให้ความสำคัญต่อทรัพยากร และ สิ่งแวดล้อม
ทุกวันนี้หลายบริษัทหันมาทำแคมเปญในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะในการผลิตอสจจะต้องมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเข้ามาช่วยในการทำงาน ซึ่งทรัพยากรหากมีได้ก็จะหมดไป ในกลุ่มของคนรุ่นใหม่หลายคนอยากร่วมงานกับบริษัทที่เป็นธุรกิจพลังสะอาด ใช้พลังงานหมุนเวียนในการทำงาน เราเป็น Hr ก็จะต้องทำการบ้านในการเข้าใจถึงความต้องการของผู้สมัคร และปรับตัวในการพัมนาบริษัทให้ก้าวตามทันเทรนด์ความสนใจของผู้สมัครไปด้วย
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน
รู้ถึงการแก้ปัญหา Solution ต่างๆ ภายในองค์กร
การเติบโตของสื่อ และเทคโนโลยีทำให้การทำงานในรูปแบบคนเดียวนั้นเริ่มหมดไป เรามีการสื่อสารกันมากขึ้นในแต่ละตำแหน่ง แต่ละสายงาน ในโปรเจกต์งานที่ต้องทำ อาจมีคนถึง 3-4 แผนก เข้ามาช่วยกันทำงานในโปรเจกต์นี้ ถึงจะลุล่วงสำเร็จ
เริ่มพัฒนาการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid work)
การทำงานแบบไฮบริดเริ่มได้รับความนิยม พนักงานหลายคนชื่นชอบการทำงานแบบนี้ เพราะหลังจากโควิด 19 พนักงานเริ่มชื่นชอบการทำงานแบบตัวคนเดียว ที่ได้จัดสรรเวลาด้วยตัวเอง บางคนเบื่อหน่ายการเดินทางที่รถติด ตื่นเช้า เป็นหน้าที่ของ HR และองค์กรที่จะต้องหาวิธีการทำงานใหม่ ๆ ให้พนักงานรู้สึกอยากทำงานมากขึ้น
ให้ความสำคัญกับพนักงาน
ให้ความสำคัญกับโบนัส สวัสดิการ และสุขภาพของพนักงาน
สวัสดิการด้านโบนัสเป็นสวัสดิการหนึ่งที่ดึงดูดพนักงานที่มีคุณภาพเข้ามาทำงาน ซ้ำยังช่วยรักษาพนักงานเก่าที่ทำงานดีไว้ให้กับบริษัทอีกด้วย ซึ่งเรามีบทความรวบรวมรูปแบบการให้โบนัสพร้อมวิธีคำนวณเพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กร มาให้ HR นำไปปรับใช้ภายในองค์กร และ นอกจากเรื่องโบนัส เรื่องสุขภาพก็เป็นอีกสวัสดิการที่หลายคนมองหาในองค์กร เช่น ประกันสุขภาพ , ค่าใช้จ่ายในการรักษา หากเบิกจ่ายได้ หรือครอบคลุมไปยังคนในครอบครัวก็จะได้ใจพนักงานภายในองค์กรด้วย
เพิ่มบทบาทการทำงานให้กับพนักงาน
ลดการทำงานที่ต้องมีการตัดสินใจหลายขั้น หลายคน ให้ทุกคนได้มีโอกาสในการออกความคิดเห็น เด้กฝึกงานหรือพนักงานใหม่ก็สามารถเสนอไอเดียในการทำงานได้
โอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง
พนักงานหลายคนที่ทำงานมาและต้องการที่จะเติบโตในสายงานของตัวเอง องค์กรควรชัดเจนว่าการมีทักษะใดจะสามารถได้เลื่อนตำแหน่ง หรือการทำโปรเจกต์งานใดภายในองค์กรจะมีผลดีต่อการเติบโต หรือระบุอย่างตรง ๆ เลยว่าทำงานกี่ปีกับองค์กรเรา จึงจะได้เลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน เพื่อแรงจูงใจในการทำงาน และคุณภาพงานของพนักงานที่เพิ่มขึ้น
เปลี่ยนการ Recruitment ที่แตกต่างจากเดิม
“เปลี่ยนการจ้างงานจากการจบตรงสาย เป็น การจ้างงานจาก skill ผู้สมัคร”
การมองหาคนที่จบปริญญาตรงสายงานอาจทำให้เราพลาดคนที่ไม่ได้จบตรงสายงานมา แต่เขามี skill ที่ตรงใจในการทำงาน หลายครั้ง Job Description มักกำหนดสาขาปริญญาที่จำกัดคนสมัคร ทำให้เราได้คนสมัครที่น้อยลงและไม่หลากหลาย
ควรหันมาใช้ Skill-Based Hiring คือการให้ความสำคัญกับ Skill ที่ตรงกับงานนั้น ๆ มากกว่าใบปริญญาว่าตรงหรือไม่
ใช้ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน
การนำ AI เข้ามามีส่วนช่วยในการทำงาน บริษัทหลายแห่งให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาข้อมูลที่ต้องปลอกภัย และ AI ก็เริ่มมีการนำมาใช้กับอย่างแพร่หลาย การนำเข้ามาช่วยจะทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น แต่ปัจจุบันไม่ได้นำมาแค่การเก้บข้อมูล แต่ก็มี AI ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลอย่าง ChatGPT ที่ช่วยในการทำงานหลายตำแหน่ง ในระบบของ HR ก็มีการนำ AI เข้ามาช่วยในการ Recruiting Process และการจัดการเงินเดือนอีกด้วย
สรุป
การเป็น HR ในปี 2024 เป็นเหมือนกับการเป็นกองหน้าในการทำงานขององค์กร เราจะได้บุคลากรที่มีคุณภาพได้ก็ขึ้นอยู่กับการเฟ้นหาและการทำงานของเราว่าไปในทิศทางไหน ในปี 2024 มีเทรนด์การทำงานที่หลากหลายขึ้น และบางอย่างก็แปลกใหม่ที่เราไม่เคยใช้ในการทำงานมาก่อน หากแต่การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ จะช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้น และได้พนักงานมาร่วมงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่ากังวลกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เพราะมันอาจตามมาด้วยผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่องค์กร