How To Be Scalable Software House

Jo

19 Feb 2023 | 1 นาทีอ่าน

หากคิดถึงการเติบโตของธุรกิจ คงหนีไม่พ้นแนวคิดการ Scaleup Business ซึ่งเป็นแนวคิดขั้นพื้นฐานที่บริษัทด้าน Technology หรือ Software House ได้นำมาปรับใช้โดยเน้นกระบวนการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ต้นทุนต่ำ และใช้ทรัพยากรน้อย 

โดยปัจจัยพื้นฐานของ Concept ในการ Scaleup หรือขยายธุรกิจ ต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานไม่ว่าจะเป็นการขยายบริการ ขยายฐานลูกค้า หรือปรับปรุงเว็บไซต์ ล้วนต้องใช้ขั้นตอนที่วางแผนมาอย่างละเอียด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

Scalable คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

ขึ้นชื่อว่า Scalable ก็แปลตรงตัวเลย คือ “การขยายตัวได้” นั่นเอง ซึ่ง Scalable เนี่ย มีทั้งแนวตั้ง (Vertical Scale, Scale Up) และแนวนอน (Horizontal Scale, Scale Out) 

1.Scale Up (Vertical Scale) พูดง่าย ๆ ก็คือการพัฒนาของเดิมให้ดียิ่งขึ้น เติมเต็มช่องว่างที่เราสามารถทำกำไรได้ เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความพึงพอใจและมี capability ในการบริโภคมากขึ้น

2.Scale Out (Horizontal Scale) คือการเพิ่ม/ขยายจำนวนเพื่อให้รองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น

  • บริษัท Grab ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็น ride-hailing application ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้ใช้ Grab สามารถ Scale Up ธุรกิจโดยการเพิ่มบริการและฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น บริการส่งพัสดุ ส่งอาหาร ซื้อของสดจากซุปเปอร์มาร์เกต จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต และอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ส่งผลให้เกิด transaction เพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีการ Scale Out เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอื่น ๆ ทำให้ Grab เป็นบริษัทที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว 

ธุรกิจ Software House นั้นเติบโตง่ายกว่า?

ข้อดีของรูปแบบผลิตภัณฑ์ Software นี้ คือ สามารถสเกลได้ง่ายกว่า ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ต้องการขยายไปต่างประเทศก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนรูปแบบธุรกิจอื่น จึงทำให้เป็นปัจจัยสำคัญของบริษัทด้านนี้ที่ใช้ในการรุกกินส่วนแบ่งการตลาดเหนือคู่แข่งได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่การจะทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะส่วนที่ยากของการทำ Software นั้น คือการสร้างทีม การออกแบบประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ให้ใช้ง่าย และสร้างออกมาได้ดีสุดๆ 

ดังนั้นการสร้างธุรกิจ Software ให้เติบโตได้เร็วนั้น ไม่ได้ง่ายไปกว่าธุรกิจรูปแบบอื่น แต่การสเกลไปสู่ตลาดใหม่ๆนั้นง่ายกว่ามาก

เตรียมตัวขยายธุรกิจให้โตเร็วอย่างคล่องตัว

วางแผนธุรกิจ Software

ควรที่จะมองลึกเข้าไปในธุรกิจเสมอ ว่าธุรกิจพร้อมที่จะเติบโตหรือไม่ ? เช่น เมื่อมีลูกค้าเข้ามาจ้างงาน บริษัทจะสามารถส่งมอบงานได้อย่างทันเวลา และงานมีคุณภาพหรือไม่ มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างชัดเจนแล้วหรือยัง เนื่องจากตลาด Software House ปัจจุบันมีการแข่งขันสูง บริษัทควรมีความยืดหยุ่น และรู้ว่าต้องปรับตัวยังไง เพื่อที่จะมีแนวโน้มเป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์สูง และสามารถสร้างซอฟต์แวร์โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่ลูกค้า นี่คือจุดที่ต้องมีการวางแผนที่ดี

อีกทั้งอย่าลืมคาดการณ์ในเรื่องของต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น ค่าเฉลี่ยที่ต้องจ่ายในทุกๆเดือน โดยอิงจากการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี การเพิ่มบุคลการ หมั่นดูงบกำไรขาดทุนปัจจุบันเพื่อดูว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร หรือค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นหรือไม่

การพยายามคิดทุกอย่างนั้น เพื่อค้นคว้าหาต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด และการเอาใจใส่เรื่องต้นทุนคือพื้นฐานที่ทำให้แผนการขยายธุรกิจดีขึ้น 

หา Outsource ที่มีคุณภาพ

การที่ธุรกิจจะขยายตัวได้ ทำให้ธุรกิจต้องการคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในบางหน้าที่ และยิ่งเป็นธุรกิจ Software House อาจจะต้องเจอปัญหาขาดแคลน Dev สกิลหายาก หรือทีม Tech ต้องการคนช่วยเพิ่ม 

และจะค้นหากลุ่มพนักงานจากบริษัท Outsource ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานได้อย่างอย่างไรเมื่อต้องการ Dev หรือตำแหน่งงานสาย IT โดยด่วน ในปัจจุบันมีธุรกิจสำหรับการสรรหาและการจ้างงานที่มีความสามารถของบุคคลแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ให้สอดคล้องกับปริมาณงานได้เป็นอย่างดี

อย่าลืมจัดการกับการเติบโตขึ้นของธุรกิจเมื่อธุรกิจของเราเติบโตขึ้นเราจะไม่สามารถดูแลทุกอย่างได้ บางครั้งคำตอบที่ได้คือการจ้าง Outsource หรือมองหาพาร์ทเนอร์ แทนที่จะจ้างพนักงานเข้ามาประจำ

เรียนรู้ความสำเร็จจากคู่แข่งที่เติบโต

ดูว่าพวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น การค้นหาว่ามีพนักงานกี่คนในตอนนี้ เพื่อที่จะทำให้เราทราบคร่าว ๆ ว่าต้องการคนเก่ง ๆ เพิ่มเข้ามากี่คน มีวิธีการทำการตลาดอย่างไรและทำความเข้าใจรูปแบบธุรกิจและเรียนรู้บทเรียนที่เกิดขึ้น เมื่อธุรกิจของเราเติบโตขึ้น อย่าลืมรักษาค่านิยมขององค์กรไว้ด้วย เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจน เช่น Apple, Google 

พัฒนาทักษะ Tech Team อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจ Software House ดำเนินการโดยพัฒนา Software เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจคุณควรจะมีการพัฒนาทักษะ Tech Team ของคุณอย่างต่อเนื่อง และอัพเดตเทคโนโลยีทุกปี เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และอย่าลืมสร้างวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในที่ทำงานซึ่งผู้คนต้องการเป็นคนที่อยากทำงานได้ดีและต้องการเป็นเลิศ สมาชิกในทีมทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีแรงจูงใจ เมื่อธุรกิจของเราต้องการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่จำเป็นต้องสร้างทีมที่มีขนาดใหญ่เสมอไป เพียงเลือกคนที่มีทักษะที่เหมาะสมที่สุด และมี Passion ร่วมกับองค์กร

สรุป

การจะเริ่มต้นลงมือทำธุรกิจ Software House ควร มีแผนสำหรับการ Scalable ไว้เสมอ เพราะการออกแบบธุรกิจให้สามารถขยายตัวได้ (Scalable) ต้องอาศัยทั้งเวลาและประสบการณ์ แต่หากทุ่มเทกับมันรับรองว่าธุรกิจของคุณไม่มีล้มลุกคลุกคลานกลางคันอย่างแน่นอน ให้นึกไว้เสมอว่าข้อดีของการ Scalable นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะนำพาให้ธุรกิจไปสู่เส้นชัยได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตอบคำถามที่ HR ควรรู้ Employer Branding คืออะไร ? ทำแล้วได้อะไรบ้าง ?

ตลาดการจ้างงานในปัจจุบันกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤต เนื่องจากพนักงานหลายคนต่างพากันลาออกจนเกิดการ Turnover Rate ซึ่งถือเป็นเร

Jo

06 Feb 2024 | 1 นาทีอ่าน

ปัจจัยที่ทำให้คนเก่งลาออกสูง!พร้อมแนวทางรักษาบุคลากร

ปัจจุบันอาชีพสาย IT เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงสวนกระแสการ Layoff พนักงาน โดยมีสถิติต่างๆที่น่าสนใจดังนี้:  

Jo

27 Jul 2023 | 1 นาทีอ่าน

ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องเป็น Data-Driven Organization และมีความสําคัญอย่างไร

ในยุคที่ดิจิทัลเติบโตและเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Jo

26 May 2023 | 1 นาทีอ่าน

รู้จักใช้ Digital Technology ถ้าอยากให้ธุรกิจชนะคู่แข่ง

พฤติกรรมของลูกค้ากำลังเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน จากการค้นหาและการแชร์ข้อมูลสู่การซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ทำให้บริ

Jo

12 Mar 2023 | 1 นาทีอ่าน

รู้จักกับ Total Experience (TX) กลยุทธ์การสร้างประสบการณ์แบบครบวงจร

เมื่อเอ่ยถึง Total Experience (TX) หลายคนอาจไม่คุ้นชินหรือรู้จักมันมากนัก แต่จริง ๆ แล้วใครจะรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่า TX ได