
ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องเป็น Data-Driven Organization และมีความสําคัญอย่างไร
ในยุคที่ดิจิทัลเติบโตและเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบธุรกิจ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการรวบรวมและนำข้อมูลที่เป็นกุญแจสำคัญของการสร้างความได้เปรียบ มาเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่าง Data-Driven Organization ก็จะได้เปรียบกว่า ทั้งในด้านการแข่งขันและการพร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ เราจะพามาคุณมาร่วมการเดินทางที่น่าสนใจขององค์กรที่นำข้อมูลมาเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจ สู่การเป็น Data-Driven Organization โดยเรามาเปิดเผยข้อดีและข้อเสีย เจาะลึกไปถึงวิธีการ พร้อมยก Case study ของผู้ที่ประสบความสำเร็จมาตีแผ่ให้กระจ่าง
Data-Driven Organization คืออะไร

ที่มา : hexacta
Data-Driven Organization คือ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ วางแผนกลยุทธ์การตลาดและการดำเนินงานในทุกระดับ โดยข้อมูลที่นำมาใช้จะต้องมีความเกี่ยวข้อง ถูกต้อง ทันสมัย ครอบคลุม และละเอียด เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและเป็นปัจจุบันมากที่สุด
การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลควรเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และนำข้อมูลเข้ามาใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์กรต้องพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Database ที่มีความยืดหยุ่น นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วย เช่น Machine Learning และ Big Data Analytics เพื่อเป็นแนวทางในการสกัดความรู้และเห็นภาพรวมขององค์กรจากข้อมูลที่มีอยู่
การเป็น Data-Driven Organization ช่วยให้องค์กรเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านพฤติกรรม ประสบการณ์การใช้งาน และแนวโน้มของตลาด ด้วยการจัดทำระบบและเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การจับต้องลูกค้า ธุรกรรมการขาย แคมเปญการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ เป็นต้น โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกแปลงเป็นข้อมูลที่มีความหมายผ่านกระบวนการวิเคราะห์และการตีความเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจต่อไป
นอกจากนี้ การเป็น Data-Driven Organization ยังช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาวได้
Data-Driven Organization สำคัญอย่างไร
การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมีความสำคัญด้วยเหตุผลทางธุรกิจมากมาย เช่น
- ตัดสินใจได้ดีขึ้น
การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลช่วยให้องค์กรสามารถเลือกตามข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อสันนิษฐานหรือความคิดเห็นส่วนตัว เนื่องด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กร จะได้ Insight หรือข้อมูลเชิงลึก อันนำมาซึ่งการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง ส่งผลให้มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะมีการปรับปรุงการทำงานอยู่เสมอด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถระบุการทำงานส่วนที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพ และส่วนที่ควรปรับปรุงภายในการดำเนินงานขององค์กรได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล การปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอเช่นนี้ จะช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ได้ ทั้งเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และจัดสรรทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยรวมดีขึ้น ทั้งยังทำงานในเชิงรุกได้ดีขึ้นอีกด้วย
- เข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง
องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นโดยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า รูปแบบพฤติกรรม ความชอบ และข้อเสนอแนะ ซึ่งช่วยปรับแต่งผลิตภัณฑ์ บริการ และกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า ด้วยการมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลและตรงเป้าหมาย องค์กรสามารถเพิ่มความพึงพอใจ ความภักดี และรักษาลูกค้าไว้ได้
- ก้าวนำในวงการธุรกิจ
ตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันทางธุรกิจสูงเป็นอย่างมาก องค์กรที่นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพก็จะมีความได้เปรียบ ทั้งข้อมูลเชิงลึกที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาด ความต้องการของลูกค้า และกลยุทธ์ของคู่แข่ง ทำให้องค์กรสามารถปรับข้อเสนอในเชิงรุกเพื่อนำหน้าคู่แข่งและปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ได้มากขึ้น นั่นหมายความว่า องค์กรมีความคล่องตัวและสามารถปรับตัวได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถระบุแนวโน้มที่เกิดจะขึ้นได้ ไปจนถึงคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในตลาด ซึ่งช่วยส่งเสริมการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ขึ้น จึงตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
- จัดการบริหารความเสี่ยงได้อย่างฉับไว
องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสามารถประเมินและจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและเรียลไทม์ องค์กรสามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คาดการณ์ผลลัพธ์ และใช้กลยุทธ์การลดความเสี่ยง วิธีการเชิงรุกนี้ช่วยลดผลกระทบของความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถขององค์กรในการรับมือกับความไม่แน่นอนได้
ข้อดี-ข้อเสียของการเป็น Data-Driven Organization
ข้อดี
- ตัดสินใจอย่างแม่นยำได้โดยง่าย เนื่องจากมีข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความเป็นกลาง ทำให้ตัดสินใจได้เฉียบขาด
- ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลเผยให้เห็นถึงโอกาสในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการต่าง ๆ ในดำเนินงานได้
- คาดการณ์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้ เช่น คาดการณ์แนวโน้ม พฤติกรรมของลูกค้า และปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- ปรับปรุงความเข้าใจที่มีต่อลูกค้า ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับความชอบและพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้สามารถกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ดีขึ้น
- มีความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ การใช้ประโยชน์จากข้อมูลสามารถทำให้ได้ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ช่วยให้ขึ้นเป็นผู้นำทางธุรกิจและเหนือกว่าคู่แข่งที่ไม่มีการใช้ข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การเข้าไปจัดการข้อมูลในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้
- ยึดติดเทคโนโลยีมากเกินไป เมื่อเทคโนโลยีที่ใช้เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค อาจส่งผลกระทบไปยังการเข้าถึงและความถูกต้องของข้อมูลด้วย
- พึ่งพาข้อมูลมากเกินไป อาจทำให้บุคคลในองค์กรละเลยสัญชาตญาณ ขาดความคิดสร้างสรรค์ในการตัดสินใจ เพราะเคยชินกับการตัดสินใจจากข้อมูลที่มี
- มีความท้าทายในการดำเนินการเพื่อเป็น Data-Driven Organization เพราะการผลักดันให้เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนั้น จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลขึ้นภายในองค์กร รวมไปถึงยังต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม ซึ่งก็จำเป็นต้องลงทุนและเตรียมตัวจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- เกิดภาวะข้อมูลท่วมท้น (Data Overload) อย่างที่รู้กันว่า อะไรที่มากเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี เพราะการที่องค์กรรวบรวมข้อมูลมาเป็นจำนวนมหาศาล ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลลดลง แยกแยะข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องได้อย่างยากลำบาก ทำให้การตัดสินใจแย่ลง
จะผลักดันองค์กรให้เป็น Data-Driven Organization ต้องคำนึงถึงด้านใดบ้าง
- วัฒนธรรมการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจ (Data Culture)
สร้างความเข้าใจและทำให้ทุกคนในองค์กรเห็นความสำคัญของข้อมูลที่มีต่อการตัดสินใจ และส่งเสริมให้พนักงานใช้ข้อมูลประกอบการทำงานในทุกระดับ
- โครงสร้างข้อมูล (Data Infrastructure)
ต้องมีการสร้างและบำรุงรักษา Database และจัดการข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ให้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้สามารถใช้งานข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- การธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance)
เป็นการบริหารจัดการและความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญและสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลจะมีคุณภาพสูงตลอด Lifecycle
- ความรู้และเข้าใจเรื่องข้อมูล (Data Literacy)
ทุกคนในองค์กรควรจะมีทักษะในการอ่าน วิเคราะห์ และสื่อสารข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาแนวโน้มและสิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปได้ง่ายขึ้น
- กลยุทธ์ข้อมูล (Data Strategy)
ต้องมีการกำหนดแนวทางในการใช้ข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อรองรับพันธกิจขององค์กร
5 วิธี สู่การเป็น Data-Driven Organization
หากต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อให้มีการตัดสินใจและข้อมูลเชิงลึกในเชิงกลยุทธ์ที่ดีขึ้น การผลักดันองค์กรให้เป็น “Data-Driven Organization” จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนหลัก ๆ ที่เราสรุปไว้ดังต่อไปนี้ได้เลย
- สร้าง Data-Driven Culture ภายในองค์กร
ก่อนอื่นควรเริ่มจากการส่งเสริมให้ภายในองค์กรมีสภาพแวดล้อมของข้อมูลที่มีมูลค่าแก่องค์กร พร้อมสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทของข้อมูที่มีต่อการตัดสินใจ รวมถึงมีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจแก่ทุกคนในองค์กร
- สร้าง Data Infrastructure ที่แข็งแกร่ง
การมีโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูลที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรลงทุนกับเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การรวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ Database, Data Warehouse และเครื่องมือ Data Analytics
- นำการ Data Governance เข้ามาใช้
กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และคุณภาพของข้อมูล สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
- พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
การวิเคราะห์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการลงทุนกับทักษะของ Data Science ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากันเองภายในองค์กร หรือจ้างงานเข้ามา เพราะทักษะนี้มีค่าเป็นอย่างยิ่งกับการได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง อันมาจากข้อมูลที่องค์กรรวบรวมไว้
- ปลูกฝังนิสัยการใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจ
ให้ทุกคนในองค์กรใช้ข้อมูลเป็นตัวนำทาง ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในทุกระดับการทำงาน ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ไปจนถึงการดำเนินงานในแต่ละวัน
มาดู Case study ของผู้ประสบความสำเร็จกันเถอะ!
เราได้รวบรวมความสำเร็จของบริษัทที่นำข้อมูลมาใช้ประกอบธุรกิจอย่างชาญฉลาดที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจมาไว้ให้แล้ว
Netflix

ที่มา :recostrea
หากคุณเคยใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Netflix ต้องเคยเห็นหน้าแรกที่นำเสนอคอนเทนต์ที่ถูกใจตามสไตล์ในการรับชมของคุณ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า Netflix นำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้มาใช้อย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาอยู่กับแพลตฟอร์มมากขึ้นและดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ๆ มาอย่างสม่ำเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารของ Netflix เปิดเผยว่า ความสำเร็จของ “House of Cards” ในปี 2013 มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะได้รับความนิยมจากผู้ใช้ Netflix โดยพิจารณาจากเนื้อหาของซีรีส์โทรทัศน์ต้นฉบับของอังกฤษที่ประสบความสำเร็จ ในกลุ่มประชากรที่คล้ายคลึงกัน
ปัจจุบันนี้ Netflix ยังคงใช้การวิเคราะห์ข้อมูลในการตัดสินใจในการเขียนโปรแกรม เหตุนี้เอง Netflix จึงเหนือกว่าคู่แข่งที่อาศัยความรู้สึกในการดำเนินงาน พร้อมเข้าควบคุมราคาสูงสุดและส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจสตรีมมิ่งได้
Uber

ที่มา : promaticsindia
Uber ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่สำคัญต่อธุรกิจ อย่างการจับคู่ระหว่างผู้โดยสารกับคนขับ Uber แต่ในท้ายที่สุด Uber ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยการเชื่อมต่อระหว่างผู้โดยสารกับคนขับที่พร้อมให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้บริการรถที่รวดเร็วทันใจในราคาย่อมเยาแก่ผู้บริโภค
ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คนขับได้รับรายได้ที่เหมาะสมและทำงานได้อย่างอิสระ และเพื่อให้มีระบบการจับคู่ที่ได้ประสิทธิภาพ Uber จึงเลือกใช้ระบบวิเคราะห์อัตโนมัติที่รวบรวมข้อมูลคำขอของผู้โดยสารจากสถานที่ต่าง ๆ และสร้าง Temperature Map สำหรับคนขับ ที่ช่วยระบุพื้นที่ที่มีความต้องการใช้บริการสูงได้
นอกจากนี้ Uber ยังใช้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบกิจกรรมของคนขับ เช่น ระบุความเร็วของรถแต่ละคันว่ามีการเร่งความเร็วเพื่อแข่งขันกันแย่งผู้โดยสารหรือไม่ ซึ่งเป็นเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ว่าการใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์นี้จะเป็นประเด็นถกเถียง แต่ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Uber ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่
Google ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางด้านความสามารถในการช่วยนำทางข้อมูลที่ยอดเยี่ยม และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการค้นหาผ่านหน้าเว็บจำนวนมหาศาลเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยำภายในเสี้ยววินาที
ถึงกระนั้นการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Google ไม่ได้ใช้เพียงกับการค้นหาเว็บ แต่ยังแทรกซึมอยู่ในส่วนต่างๆ ของธุรกิจของ Google อีกมากมาย และหนึ่งในนั้นก็ครอบคลุมถึงทรัพยากรบุคคลอีกด้วย
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ Google เข้าใจพนักงานได้เป็นอย่างดี มีการปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านการจัดการบุคคล พร้อมทั้งรับประกันว่าตนสามารถรักษาพนักงานที่มีประสิทธิผลสูงไว้อย่างแน่น เหนียวได้แน่นอน
Google ยังใช้ Data science ในด้านต่าง ๆ เช่น การสรรหา การตรวจสอบประสิทธิภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน เช่น การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของพนักงานในการขยายวันลาคลอดโดยได้รับค่าจ้าง จาก 12 สัปดาห์ เป็น 18 สัปดาห์ ส่งผลให้อัตราการลาหลังคลอดของพนักงานลดลงอย่างมากถึง 50%
โดยรวมแล้ว การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเชี่ยวชาญของ Google ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การจัดการบุคลากร เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และผลักดันความสำเร็จขององค์กรได้อย่างยอดเยี่ยม
อาชีพใดบ้างที่จำเป็นต่อ Data-Driven Organization
Data Analysts
มีหน้าที่จัดการและดัดแปลงชุดข้อมูลขนาดใหญ่ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เพื่อค้นหาแนวโน้มอาจรวมถึงการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำธุรกิจด้วย จะเห็นว่าการวิเคราะห์ของพวกเขาสามารถช่วยให้องค์กรตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด
Data Scientists
มีบทบาทสำคัญในการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ อัลกอริทึม และระบบเพื่อสกัดความรู้และข้อมูลเชิงลึกจาก Structured กับ Unstructured Data รวมถึงใช้ทักษะด้านคณิตศาสตร์ สถิติ และการเขียนโปรแกรมเพื่อวิเคราะห์ ตีความข้อมูลที่ซับซ้อน เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่ใช้ขับเคลื่อนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์แก่องค์กร
Business Intelligence Analysts
มีบทบาทในการนำข้อมูลมาใช้ช่วยระบุแนวโน้มของตลาดและธุรกิจ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาภาพจุดยืนขององค์กรที่ชัดเจน และให้ข้อมูลข่าวกรองที่แม่นยำเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
Data Engineers
ถือเป็นแกนหลักของ Data-Driven Organization เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีบทบาทหลักในการพัฒนา, ออกแบบ, สร้าง, ทดสอบ และบำรุงรักษาสถาปัตยกรรมข้อมูล เช่น Database และระบบประมวลผลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังคอยรับประกันความพร้อมใช้งานและการไหลของข้อมูลที่สอดคล้องกันเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
Chief Data Officers (CDOs)
ในองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรที่จริงจังกับการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล CDO อาจมีความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์ข้อมูล, ดูแล Data Stragegy หรือ กลยุทธ์ข้อมูล, นโยบาย และการกำกับดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
โลกของเราเต็มไปด้วยข้อมูลและมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น องค์กรต่าง ๆ จึงต้องเริ่มปรับตัวให้กลายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ เพราะการมีข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ส่งผลให้องค์กรทำการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ การทำงานมีประสิทธิภาพ ได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่ง และส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการจะพลิกโฉมองค์กรให้เป็น Data-Driven Organization นั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกองค์กร เพราะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เวลา ทรัพยากร และความมุ่งมั่น ขอเพียงยึดแนวทางและกรอบความคิดที่ถูกต้อง รับรองว่าคุณจะสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดและใช้พลังของข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน