
มาส่องกัน! ตำแหน่งสายงาน IT ทำหน้าที่อะไรบ้าง ?
ในแต่ละสายงานนั่นมีอาชีพที่หลากหลายและต่างก็มีความต้องการในตลาดเป็นอย่างสูง แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในยุคดิจิทอลนั่นคือ “อุตสาหกรรม IT” เพราะหลายๆ องค์กรเริ่มปรับตัวและพร้อมเข้าสู่ Digital transformation ทั้งในส่วนของโปรเจกต์หรือแม้งานภายในองค์กร จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการบุคลากรในสายงาน IT จากหลากหลายสายและเชี่ยวชาญในหน้าที่เข้ามาร่วมทำงานในองค์กรของตัวเอง
เพื่อทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่างานในสายนี้มีตำแหน่งและหน้าที่ทำอะไรบ้าง เราจึงขอรวบรวมสายงาน IT ต่างๆ มาไว้ในนี้ ครบ จบ ในที่เดียว เพื่อเป็นความรู้และข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งเราได้แบ่งตำแหน่งงานต่างๆออกเป็น 7 สาย ดังนี้ Management, Developer, QA/Tester, Designer, Analyst, Data, Infrastructure และ Support

สายงาน Management
1. CTO
CTO (Chief Technology Officer) เป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้านเทคโนโลยีภายในบริษัท และเป็นผู้นำแผนก IT หรือวิศวกรรม อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบต่อความต้องการในด้านเทคโนโลยีขององค์กรรวมถึงการวิจัยและพัฒนา CTO จะมีหน้าที่ในตรวจสอบความต้องการในระยะสั้นและระยะยาวขององค์กร และบริหารเงินทุนที่จะไว้ใช้สำหรับการลงทุนเพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์
หน้าที่
- พัฒนากลยุทธ์ของบริษัทสำหรับการใช้ทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยี
- สร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นจะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์และปลอดภัย
- ประเมินและปรับใช้ระบบและโครงสร้างใหม่ๆ
2. CIO
CIO (Chief Information Officer) เป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้าน ITและระบบคอมพิวเตอร์ CIO ช่วยสนับสนุนและทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้วยการจัดการทรัพยากรเหล่านั้นโดยชี้แนะว่าพวกเขาควรใช้อย่างไรให้ดีที่สุดตามความต้องการหรือแผนธุรกิจขององค์กร
หน้าที่
- กำหนดวัตถุประสงค์และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆสำหรับแผนก IT
- สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานภายในองค์กรและช่วยพัฒนาเชิงกลยุทธ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ออกแบบและปรับแต่งระบบเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ
3. IT Director
IT Director เป็นผู้อำนวยการฝ่าย IT ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องรู้ว่าระบบการทำงานเป็นอย่างไรและจะจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร พวกเขาทำให้แน่ใจว่าโครงการต่างๆ ดำเนินไปอย่างถูกต้องและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เมื่อมีสิ่งผิดพลาดหรือความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น
หน้าที่
- ดูแลการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีทั้งหมดและประเมินผลตามเป้าหมายที่กำหนด
- คิดค้นและกำหนดนโยบายและระบบ IT เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่กำหนด
- การวิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจของทุกแผนกเพื่อกำหนดความต้องการด้านเทคโนโลยี
4. IT Project Manager
IT project manager คือผู้จัดการโครงการที่จะวางแผน สร้าง และจัดการโครงการที่เกี่ยวกับด้าน IT และจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างธุรกิจและด้านเทคนิคของโครงการที่ได้รับมอบหมาย
หน้าที่
- จัดการโครงการด้าน IT ที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามงบประมาณ กำหนดการ และขอบเขตของโครงการ
- พัฒนา รักษา และแก้ไขข้อเสนอสำหรับโครงการที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ เทคโนโลยี ระบบ ข้อกำหนดข้อมูล ลำดับเวลา เงินทุน และการจัดหาพนักงาน
- ตั้งค่าและติดตามเหตุการณ์สำคัญของโครงการ รวมถึงจัดการปัญหาต่างๆที่ไม่คาดคิด จากนั้นจัดตารางเวลาและกลยุทธ์ใหม่ตามความจำเป็น
5. IT Security Manager
IT security manager หรือที่เรียกอีกชื่อว่า cybersecurity manager ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขององค์กรในด้านการป้องกัน การตรวจจับ การตอบสนอง และการกู้คืนความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
หน้าที่
- พัฒนานโยบาย กระบวนการ และแนวทางด้านความปลอดภัยตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์กร
- ดำเนินการประเมินความเสี่ยงเพื่อระบุภัยคุกคามความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นและช่องโหว่
- พัฒนานโยบาย ขั้นตอน และแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่สอดคล้องกับกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง
- ให้การสนับสนุนด้านเทคนิคสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงไฟร์วอลล์ ระบบปฏิบัติการ แอปพลิเคชัน การจัดการแพตช์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
- ให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลแก่พนักงานหรือลูกค้า
6. IT Auditor
IT auditor มีหน้าที่รับผิดชอบในการวางแผน ประสานงาน ดำเนินการ และรายงานเกี่ยวกับการตรวจสอบด้าน IT พวกเขาต้องรวบรวมและประเมินข้อมูลเกี่ยวกับระบบ แนวปฏิบัติ และการดำเนินงานขององค์กร ตลอดจนปฏิบัติงานภาคสนาม ประเมินประสิทธิผลของผลลัพธ์ และระบุปัญหาเพื่อหาทางแก้ไข
หน้าที่
- พัฒนาและประเมินกระบวนการตรวจสอบและการรายงานผล
- ใช้มาตรฐานการตรวจสอบที่กำหนดขึ้นทั่วทั้งโครงสร้างพื้นฐาน
- ตรวจสอบและประเมินแอปพลิเคชันเครือข่ายของบริษัททุกด้าน รวมถึงซอฟต์แวร์ โปรแกรม ความปลอดภัย และการสื่อสาร
- ตรวจสอบความเรียบร้อยของกระบวนการทั้งหมด และกำหนดกลยุทธ์การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพสำหรับปัจจุบันและอนาคต

สายงาน Developer
1. Front-end Developer
Front-end developer มีหน้าที่ในการสร้างส่วนหน้าของเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้า หรือผู้เยี่ยมชมได้ใช้
หน้าที่
- ใช้ภาษา markup เช่น HTML เพื่อสร้างหน้าเว็บที่ใช้งานง่าย
- กำหนดโครงสร้างและการออกแบบเว็บเพจ
- ดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นตัวกำหนดทางเลือกในการออกแบบ
- เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บเพื่อความเร็วสูงสุดและความสามารถในการขยายตัว
- สร้างโค้ดที่ใช้ซ้ำได้เพื่อใช้ในอนาคต
2. Back-end Developer
Back-end Developer มีหน้าที่ในการสร้าง เขียนโค้ดและปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ในส่วนของหลังบ้านรวมไปถึงการออกแบบ Databaseและส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับนักพัฒนา Front-end
หน้าที่
- พัฒนาโปรแกรมในส่วนของหลังบ้านรวมถึงออกแบบ Database ให้เก็บข้อมูลและดึงข้อมูลมาใช้ให้เร็วที่สุดได้
- รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล กระบวนการ และโค้ดเพื่อแก้ไขปัญหาและระบุจุดที่ต้องปรับปรุง
- ทำงานร่วมกับนักพัฒนา Front-end และสมาชิกในทีมคนอื่นๆ เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์และออกแบบโค้ดที่มีประสิทธิภาพขึ้นเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
3. Full-stack Developer
Full-stack Developer มีหน้าที่ในการรับผิดชอบส่วนของการพัฒนาทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน พวกเขาออกแบบ พัฒนา และบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจมีการทำงานร่วมกับนักพัฒนา Front-end และ Back-end
หน้าที่
- มีส่วนร่วมในการออกแบบและสร้างซอฟต์แวร์ที่ปรับขนาดได้
- การเขียนโค้ดที่เรียบร้อยและใช้งานได้จริงที่ส่วนหน้าและส่วนหลัง
- ทดสอบและแก้ไขบักหรือปัญหาการเข้ารหัสอื่นๆ
4. Mobile developer
Mobile Developer มีหน้าที่ในการแปล code เป็น application ห้ใช้งานง่ายและพัฒนา Application Programming Interfaces (API) เพื่อรองรับการทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยยังคงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนโค้ดบนแอปอยู่เสมอ
หน้าที่
- สนับสนุน Application Lifecycle ทั้งหมด (แนวคิด การออกแบบ การทดสอบ การเปิดตัว และการสนับสนุน)
- สร้างแอปพลิเคชันมือถือที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์โดยเขียน clean code
- รวบรวมข้อกำหนดที่เฉพาะและเสนอแนวทางแก้ไข
- เขียนการทดสอบหน่วยและ UI เพื่อระบุการทำงานผิดปกติ
- แก้ไขปัญหาและดีบักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- ออกแบบอินเทอร์เฟซเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
5. Game Developer
Game Developer มีหน้าที่ในการเขียนโค้ดสำหรับเกมในรูปแบบต่างๆ เช่น พีซี คอนโซล เว็บเบราว์เซอร์ และโทรศัพท์มือถือ และเปลี่ยนให้เกมนั้นสามารถเล่นได้จริงด้วยภาพและเสียงผ่านการเขียนโค้ด
หน้าที่
- มีส่วนร่วมในแนวคิดและเนื้อเรื่องของเกมโดยรวม
- สร้างสคริปต์เกมและสตอรี่บอร์ด
- แปลแนวคิดการออกแบบเป็นโค้ดที่ใช้งานได้
- การเข้ารหัสเครื่องยนต์พื้นฐานของเกม
- มีส่วนร่วมในการออกแบบเสียงและภาพเคลื่อนไหว
- พัฒนาจุดต่างๆที่สำคัญของเกม
- แก้ไขโค้ดและดีบักเพือเพิ่มประสิทธิภาพ
6. Software Developer
Software Developer มีหน้าที่ออกแบบและเขียนโค้ดซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจและผู้ใช้บริการ พวกเขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อกำหนดสิ่งที่ต้องการ จากนั้นใช้ภาษาโปรแกรม เช่น Java หรือ C++ เพื่อสร้างโปรแกรม จึงจำเป็นต้องมีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์รวมถึงความสามารถในการแก้ปัญหาที่แข็งแกร่ง
หน้าที่
- สร้าง Clean code และมีประสิทธิภาพตามข้อกำหนด
- ทดสอบ ตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการให้เป็นไปตามความต้องการ
- แก้ไขและปรับปรุงซอฟต์แวร์ที่มีอยู่
- ประเมินผลการทำงานของแต่ละขั้นตอนในกระบวนการ พร้อมประเมินผลความเสี่ยง
7. Android developer
Android Developer มีหน้าที่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์และเชี่ยวชาญในการสร้างแอพสำหรับระบบปฏิบัติการ Android รวมถึงความสามาราถในการออกแบบและเขียนโค้ดโปรแกรมเพื่อเปลี่ยนการออกแบบให้เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้
หน้าที่
- อัปเดตการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ
- ประสานงานกับลูกค้าหรือองค์กรเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้และกำหนดขอบเขตโครงการ
- พัฒนาโครงสร้างเพื่อแสดงคุณสมบัติใหม่และอินเทอร์เฟซผู้ใช้
- การบำรุงรักษา ปรับปรุง และจัดระเบียบ Code Base
- การเขียนและทดสอบโค้ดเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมจริง
- ค้นหาและแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน
8. IOS Developer
IOS developer มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาและบำรุงรักษาแอปพลิเคชันที่มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ iOS รวมถึงโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตและการผสานร่วมกับบริการส่วนหลังบ้าน
หน้าที่
- ออกแบบและสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับแพลตฟอร์ม iOS
- ตรวจสอบประสิทธิภาพ คุณภาพ และการตอบสนองของแอปพลิเคชัน
- ทำงานร่วมกับทีมเพื่อกำหนด ออกแบบ และจัดส่งคุณสมบัติใหม่
- ระบุและแก้ไขคอขวดและแก้ไขจุดบกพร่อง
- ช่วยรักษาคุณภาพของโค้ด การจัดระเบียบ และการทำงานอัตโนมัติ
9. DevOps
DevOps มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของบริษัทให้ราบรื่น พวกเขาทำงานร่วมกับนักพัฒนาในการปรับใช้และจัดการการเปลี่ยนแปลงโค้ด และร่วมกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเพื่อให้แน่ใจว่าระบบพร้อมทำงานอย่างราบรื่น
หน้าที่
- ทำความเข้าใจกับความต้องการของลูกค้าและ KPI ของโครงการ
- ดำเนินการพัฒนา การทดสอบ เครื่องมือสำหรับระบบอัตโนมัติ และโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ที่หลากหลาย
- วางแผนโครงสร้างทีม กิจกรรม และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดการโครงการ
- กำหนดและตั้งค่ากระบวนการพัฒนา ทดสอบ เผยแพร่ อัปเดต และสนับสนุนสำหรับการดำเนินการ DevOps
- เทคนิคการแก้ไขปัญหาและแก้ไขจุดบกพร่องของโค้ด
- เฝ้าติดตามกระบวนการเพื่อความสม่ำเสมอและปรับปรุงหรือสร้างกระบวนการใหม่เพื่อปรับปรุงและลดการเกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

สายงาน QA/Tester
1. Quality Assurance Engineer
Quality Assurance engineer มีหน้าที่ในการค้นหาและแก้ไขจุดบกพร่องในผลิตภัณฑ์หรือโปรแกรมก่อนเปิดตัว โดยทำงานร่วมกับนักพัฒนาในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเมื่อจำเป็น
หน้าที่
- ตรวจสอบด้านคุณภาพและเอกสารทางเทคนิคเพื่อให้ข้อเสนอแนะที่ทันท่วงที
- สร้างแผนการทดสอบที่มีชั้นเชิง ครอบคลุม และมีโครงสร้างที่ดี
- ประมาณ จัดลำดับความสำคัญ วางแผน และประสานงานกิจกรรมการทดสอบคุณภาพ
- ออกแบบ พัฒนา และรันสคริปต์การทำงานอัตโนมัติโดยใช้เครื่องมือ Opensource
- ระบุ บันทึก เอกสารอย่างละเอียด และติดตามจุดบกพร่อง
- ทำการทดสอบอย่างละเอียดเมื่อแก้ไขจุดบกพร่องแล้ว
- พัฒนาและใช้กระบวนการทดสอบที่มีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
2. Game tester
Game Tester มีหน้าที่ในการพัฒนาและตรวขสอบเพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์หรือไม่ เพื่อให้ทีมพัฒนาสามารถหาช่องโหว่และนำไปแก้ไข
หน้าที่
- ทดสอบส่วนใดส่วนหนึ่งของเกมอย่างเป็นระบบ จากนั้นสร้าง ติดตาม และอัปเดตสคริปต์ทดสอบเพื่อค้นหาจุดบกพร่อง
- ทดสอบทุกระดับและแง่มุมของเกม: กราฟิก ข้อความ เสียง รูปภาพ และวิดีโอแอนิเมชั่น
- บันทึกข้อผิดพลาดที่พบลงในระบบ
- รายงานความสามารถในการเล่น (วิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเกม) และแนะนำการปรับปรุง
- ตรวจสอบว่าเกมเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ เช่น โปรเซสเซอร์และกราฟิกการ์ด
- ทำงานร่วมกับผู้ทดสอบคนอื่นในเกมที่มีผู้เล่นหลายคน

สายงาน Designer
1. UX Designer
UX Designer มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชั่นให้เป็นสิ่งที่ผู้คนชอบใช้ โดยการศึกษาประสบการณ์ของผู้ใช้และวัดว่าการทำงานให้เสร็จอย่างมีประสิทธิภาพนั้นง่ายเพียงใด ในขณะที่ปรับปรุงความสามารถในการใช้งานง่ายด้วยวิธีการต่างๆ มากมาย
หน้าที่
- เข้าใจข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์และจิตวิทยาผู้ใช้
- ดำเนินการทดสอบแนวคิดและการใช้งานและรวบรวมข้อเสนอแนะ
- สร้าง persona จากการวิจัยผู้ใช้และข้อมูล
- กำหนดรูปแบบการโต้ตอบที่เหมาะสมและประเมินความสำเร็จ
- พัฒนาโครงสร้างและต้นแบบตามความต้องการของลูกค้า
- ค้นหาวิธีที่สร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา UX
2. UI designer
UI Designer มีหน้าที่ในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) เพื่อสร้างและใช้ Interface เพื่อทำให้ผู้ใช้ที่ใช้งานง่ายแต่ยังมีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ถูกต้องซึ่งจำเป็นในการออกแบบผลิตภัณฑ์
หน้าที่
- กำหนดและนำโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมมาใช้สำหรับผลิตภัณฑ์
- ดำเนินการขั้นตอนการออกแบบ Interface ทั้งหมดตั้งแต่แนวคิดจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
- กำหนดแนวแลละนำความเรียบง่ายและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มาประสานรวมกับการออกแบบที่ซับซ้อน
- สร้างโครงร่าง สตอรีบอร์ด โฟลว์ผู้ใช้ โฟลว์กระบวนการ และแผนผังไซต์เพื่อสื่อสารปฏิสัมพันธ์และแนวคิดการออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำการวิจัยผู้ใช้และประเมินความคิดเห็นของผู้ใช้
3. Product designer
Product Designer มีหน้าที่รับผิดชอบในการวิเคราะห์ความต้องการลูกค้าเพื่อเป็นคุณลักษณะต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ หาแนวคิดหรือโซลูชั่นใหม่ๆ ที่ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า และสร้างภาพวาดดิจิทัลหรือสิ่งพิมพ์ ตลอดจนออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้เต็มรูปแบบ
หน้าที่
- เสาะหาโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่
- วิเคราะห์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่เชื่อมโยงกับความต้องการของตลาดและความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างไร
- ใช้ซอฟต์แวร์การสร้างแบบจำลอง 3 มิติเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบ
- สร้างต้นแบบและทดสอบการทำงาน
- ปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่

สายงาน Analyst
1. Business Analyst
Business analyst มีหน้าที่ในการระบุเป้าหมาย พัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร รวมถึงทำการรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์กระบวนการต่างๆเพื่อกำหนดสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
หน้าที่
- รับ Requirement จากทางฝั่ง Business แล้วนำมาวิเคราะห์ว่าทีมมีอะไรต้องแก้ไขบ้าง
- นำ Data มาวิเคราะห์เพื่อหา Solution ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจ
- ดึง Data ที่ทำขึ้นมาแปลงเป็น Report แล้วนำไปเสนอกับฝั่ง business
2. Software analyst
Software Analyst มีหน้าที่ในการศึกษาความต้องการและปัญหาทางด้านข้อมูลต่างๆของลูกค้าว่าควรจะจัดการข้อมูลอย่างไรเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาระบบให้ดีขึ้น รวมถึงให้คำแนะนำแก่ลูกค้าเกี่ยวกับโปรแกรมซอฟต์แวร์และสื่อสารกับผู้ใช้เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมนั่นทำงานได้ดี
หน้าที่
- ตรวจสอบและประเมินระบบปัจจุบัน
- วิเคราะห์ระบบจาก Business Requirement และกำหนดแนวทางใหม่หรือหา Solution ที่เหมาะกับธุรกิจให้แก่ลูกค้า
- ประสานงานกับผู้ใช้เพื่อติดตามข้อกำหนดและคุณสมบัติเพิ่มเติม
3. System analyst
System Analyst มีหน้าที่ในการวิเคราะห์ว่าซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบ IT ในวงกว้างเหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจของนายจ้างหรือของลูกค้าได้ดีเพียงใด รวมถึงเขียรข้อกำหนดสำหรับระบบใหม่และนำไปใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ
หน้าที่
- ตรวจสอบระบบปัจจุบัน
- พูดคุยกับผู้ใช้หรือลูกค้าเพื่อรวบรวมความต้องการ
- ร่างข้อกำหนดการผลิตสำหรับระบบใหม่หรือระบบดัดแปลง
- ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ IT อื่นๆ เช่น โปรแกรมเมอร์เพื่อสร้างระบบใหม่
- นำระบบใหม่มาใช้ให้เข้ากับความต้องการขององค์กร
4. Quality analyst
Quality Analyst มีหน้าที่ในการประเมินผลิตภัณฑ์ ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อบกพร่องและตรงตามมาตรฐานคุณภาพขององค์กร
หน้าที่
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ ระบบ และซอฟต์แวร์เพื่อรับประกันว่าไม่มีข้อบกพร่องและตรงตามมาตรฐานคุณภาพขององค์กร
- พัฒนาและดำเนินการตามแผนการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด
- ตรวจสอบและทดสอบสคริปต์เพื่อประเมินการทำงาน ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และคุณภาพของบริการหรือผลิตภัณฑ์
5. Security analyst
Security Analyst มีหน้าที่ในการวิเคราะห์ความปลอดภัยในทำงานเพื่อปกป้องเครือข่ายของบริษัทและข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์และละเอียดอ่อน นักวิเคราะห์ความปลอดภัยจะระบุและแก้ไขข้อบกพร่องในระบบรักษาความปลอดภัย สร้างขั้นตอนเพื่อให้พนักงาน IT ปฏิบัติตาม และปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยโดยรวม
หน้าที่
- วิเคราะห์ภัยคุกคามขององค์กรทางด้านความปลอดภัย
- กำหนด บำรุงรักษา และยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย
- การเขียนรายงานและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนโยบายความปลอดภัยในปัจจุบัน การตอบสนองต่อเหตุการณ์ แผนกู้คืนความเสียหาย และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอื่นๆ
- ให้คำปรึกษาหรือ Solution เกี่ยวกับความปลอดภัย
- ดูแลระบบรักษาความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ
6. Test analyst
Test Analyst มีหน้าที่ตรวจสอบความพร้อมในการทำงานของผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ก่อนที่จะออกสู่ตลาด งานของพวกเขาคือการออกแบบ พัฒนา และจัดการชุดการทดสอบและการประเมินผลที่ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ก่อนวางจำหน่าย
หน้าที่
- ออกแบบ พัฒนา และจัดทำเอกสารแผนการทดสอบที่ครอบคลุม
- การจัดการทดสอบผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่เพื่อค้นหาข้อจำกัดและข้อบกพร่อง
- การวินิจฉัยและแก้ไขข้อผิดพลาด
- ยึดมั่นและปรับปรุงกระบวนการประกันคุณภาพที่ได้กำหนดไว้
- มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา
- การเขียนและปรับปรุงเอกสารผู้ใช้และขั้นตอนการปฏิบัติงาน
- การทดสอบความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ในสภาพแวดล้อมแบบเครือข่าย
- คิดค้นและปรับใช้การแก้ไขและปรับปรุง

สายงาน Data
1. Data Engineer
Data Engineer มีหน้าที่พัฒนาวิธีใหม่ๆ ในการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก พวกเขาออกแบบ สร้าง และทดสอบสถาปัตยกรรมข้อมูลและเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงและตีความข้อมูลในบริบททางธุรกิจได้ง่ายขึ้น
หน้าที่
- พัฒนา สร้าง ทดสอบ และบำรุงรักษา data architecture
- การวิเคราะห์และตีความชุดข้อมูลขนาดใหญ่
- ปรับการเข้าถึงข้อมูลและการนำเสนอให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจ
- การใช้ภาษาโปรแกรมและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย
- การใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแสดงให้เห็นและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
- สร้างเครื่องมือเพื่อให้เข้าถึงและตีความข้อมูลได้ง่ายขึ้น
- ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงาน
- การทดสอบและการใช้เครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง
2. Data Scientist
Data Scientist มีหน้าที่ในการวิเคราะห์ สถิติ และการเขียนโปรแกรมเพื่อรวบรวมชุดข้อมูลขนาดใหญ่ พวกเขาพัฒนา Solution ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการขององค์กรอย่างชัดเจน
หน้าที่
- ระบุแหล่งข้อมูลที่มีค่าและทำให้กระบวนการรวบรวมเป็นไปโดยอัตโนมัติ
- ดำเนินการประมวลผลล่วงหน้าของข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง
- วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบ
- สร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์และอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง
- รวมโมเดลผ่านการสร้างโมเดลทั้งมวล
- นำเสนอข้อมูลโดยใช้เทคนิคการแสดงข้อมูล
- เสนอวิธีแก้ปัญหาและกลยุทธ์สำหรับความท้าทายทางธุรกิจ
- ทำงานร่วมกับทีมวิศวกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์
3. Data analyst
Data Analyst มีหน้าที่ช่วยองค์กรในการเสาะหาวิธีการลดต้นทุนและค้นหาโอกาสในการเพิ่มรายได้ พวกเขาใช้วิธีการต่างๆในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากนั้นนำมาแปลงเป็นสถิติและจึงกลายเป็นข้อมูลทางธุรกิจที่มีความหมาย นอกจากนี้ยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าแก่บริษัทเกี่ยวกับการแข่งขันและแนวโน้มในอุตสาหกรรมต่างๆ
หน้าที่
- ทำงานร่วมกับฝ่ายบริหารเพื่อจัดลำดับความสำคัญของความต้องการข้อมูล
- รวบรวมและตีความข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ
- วิเคราะห์ผลและรายงานผลกลับไป
- รระบุและตีความแนวโน้มหรือรูปแบบในชุดข้อมูลที่ซับซ้อน
- พัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพของผลลัพธ์ทางสถิติ
- คิดค้นกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลใหม่
4. Business Intelligence Analyst
Business Intelligence Analyst มีหน้าที่ในการใช้ข้อมูลเพื่อให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์และปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกิจขององค์กร พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดึงข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมาก
หน้าที่
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่หลากหลายเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและกำหนดประสิทธิภาพของธุรกิจ
- แปลงข้อมูลดิบเป็นข้อมูลเชิงลึก รายงาน แผนภูมิ การแสดงภาพ และการคาดการณ์
- สร้างขั้นตอนและนโยบายที่ใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
- พัฒนาวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่
- วิเคราะห์ตลาดและข้อมูลคู่แข่งเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
- รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญและกำหนดขั้นตอนการทำงาน
5. Data Architecture
Data architecture มีหน้าที่ในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก พวกเขาใช้ข้อมูลที่ได้มานำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างโครงสร้างข้อมูลสำหรับการใช้งานทั่วทั้งองค์กร
หน้าที่
- ออกแบบ การปรับใช้ และการจัดการโครงสร้างข้อมูลขององค์กร
- สร้างแนวคิดและแบบจำลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฐานข้อมูลขนาดใหญ่
- ค้นคว้าโอกาสใหม่สำหรับการได้มาซึ่งข้อมูล
- กำหนดข้อกำหนดสำหรับโครงสร้างฐานข้อมูล
- ให้การสนับสนุนฐานข้อมูลผ่านการจัดหายูทิลิตี้และการตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้
- ฝึกอบรมผู้อื่นในการใช้ฐานข้อมูลอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
- การจัดระเบียบและจัดหมวดหมู่ข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง
- แสดงภาพผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงที่เสนอในการรับและจัดเก็บข้อมูล
6. Machine Learning Engineer
Machine Learning Engineer เป็นผู้ทำหน้าที่พํฒนาระบบ Machine Learning อีกทั้งทำการวิจัย สร้าง และออกแบบซอฟต์แวร์ที่ทำงานด้วยตนเองเพื่อทำให้โมเดลคาดการณ์เป็นแบบอัตโนมัติ ML Engineer สร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้ประโยชน์จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสร้างและพัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถเรียนรู้และคาดการณ์ได้
หน้าที่
- ออกแบบระบบ ML และซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำงานได้เองเพื่อทำให้โมเดลคาดการณ์เป็นแบบอัตโนมัติ
- การแปลงต้นแบบวิทยาศาสตร์ข้อมูลและการใช้อัลกอริธึมและเครื่องมือ ML ที่เหมาะสม
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอัลกอริทึมสร้างคำแนะนำผู้ใช้ที่ถูกต้อง
- เปลี่ยนข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างให้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ด้วยการติดแท็กภาพอัตโนมัติและการแปลงข้อความเป็นคำพูด
- ปัญหาที่ซับซ้อนด้วยชุดข้อมูลหลายชั้น ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพ libaries และ frameworks การเรียนรู้ของเครื่องที่มีอยู่
- พัฒนาอัลกอริทึม ML เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนเพื่อทำการคาดการณ์
- ดำเนินการทดสอบ ดำเนินการวิเคราะห์ทางสถิติ และตีความผลการทดสอบ

สายงาน Infrastructure
1. Network Engineer
Network Engineer เป็นผู้ทำหน้าที่ในการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บริการระบบ และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปแล้ว เขาจะทดสอบและบันทึกพฤติกรรมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด
หน้าที่
- ติดตั้ง กำหนดค่า ทดสอบ และบำรุงรักษาเครือข่ายใหม่และแอปพลิเคชัน เซิร์ฟเวอร์ และเวิร์กสเตชันที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาเครือข่าย
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟร์วอลล์เครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยเป็นปัจจุบัน
- จัดทำและบำรุงรักษาขั้นตอนและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- จัดทำโปรแกรมเครือข่ายเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจ
2. System Engineer
System Engineer เป็นผู้ทำหน้าในการทำความเข้าใจว่าส่วนต่างๆ ภายในระบบที่ออกแบบไว้ทำงานร่วมกันอย่างไร พวกเขาสามารถทำงานบนระบบที่หลากหลาย ตั้งแต่ซอฟต์แวร์และเครือข่ายไปจนถึงระบบทางกายภาพ
หน้าที่
- ระบุและทำความเข้าใจส่วนต่างๆ ภายในระบบ เช่น ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์
- เขียนข้อกำหนดสำหรับวิธีการทำงานของระบบและพัฒนา
- ติดตั้งระบบใหม่และการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนด้านเทคนิค
- ออกแบบการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าระบบบรรลุฟังก์ชันที่ต้องการหรือไม่
- สื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอื่น ๆ ตลอดการวิจัย
- การจัดการโครงการซึ่งอาจรวมถึงการจัดทำงบประมาณ การจัดตารางเวลา และการประเมินความเสี่ยง
3. Software Engineer
Software Engineer เป็นผู้มีหน้าที่ในการออกแบบ สร้าง บำรุงรักษา ทดสอบ และประเมินซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์โดยใช้แนวคิดทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์และความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับงบประมาณและตามเวลาที่กำหนด
หน้าที่
- ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเพื่อออกแบบอัลกอริทึมและผังงาน
- สร้างโค้ดที่สะอาดและมีประสิทธิภาพตามข้อกำหนด
- รวมส่วนประกอบซอฟต์แวร์และโปรแกรมของบุคคลที่สาม
- ตรวจสอบและปรับใช้โปรแกรมและระบบ
- แก้ไขปัญหา ดีบัก และอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่มีอยู่
- รวบรวมและประเมินความคิดเห็นของผู้ใช้
- แนะนำและดำเนินการปรับปรุง
- สร้างเอกสารทางเทคนิคสำหรับการอ้างอิงและการรายงาน

สายงาน Support
1. IT Support
IT Support เป็นผู้มีหน้าที่ให้การสนับสนุนด้าน IT เช่น แสกนไวรัส ลงโปรแกรม ตรวจสอบ บำรุงรักษา และให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคด้าน Software Hardware หรือ Network สำหรับระบบ IT ขององค์กร ให้สามารถทำงานได้อย่างราบลืน
หน้าที่
- ติดตั้ง Hardware และ Software
- แก้ไขปัญหา Hardware, Software และ Network
- ลงโปรแกรมต่างๆ เช่น Windows office
- ซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โน็ตบุ๊ค ปริ้นเตอร์
2. IT Helpdesk
IT Helpdesk เป็นผู้มีหน้าที่รับปัญหาต่างๆจาก user หรือ ลูกค้า และให้บริการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล์หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ รวมทั้งการนำปัญหามาวิเคราะห์เพื่อหา Solution ที่เหมาะสม
หน้าที่
- ทำหน้าที่เป็นจุดติดต่อแรกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิคทางโทรศัพท์หรืออีเมล
- ดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะไกลผ่านเทคนิคการวิเคราะห์และคำถามที่เกี่ยวข้อง
- กำหนดแนวทางแก้ไขที่ดีที่สุดตามปัญหาและรายละเอียดที่ลูกค้าให้มา
หากสนใจเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมในสายงาน IT ต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ : https://www.seek.com.au/career-advice/
สรุป
บุคลากรทางด้าน IT เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน อีกทั้งยังมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเชิงธุรกิจอีกด้วย เราจึงหวังอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะจ้างคนในวงการ IT และอยากจะเพิ่มความเข้าใจในหน้าที่ต่างๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรและทำหน้าที่อะไรกันบ้าง