เขียน ประวัติการทำงานใน Resume ยังไงให้เป็นมืออาชีพ

เขียน ประวัติการทำงานใน Resume ยังไงให้เป็นมืออาชีพ

admin

18 Jun 2021 | 1 นาทีอ่าน

ประวัติการทำงานใน Resume ต้องเขียนยังไงให้ดูเป็นมืออาชีพ ? วิธีเขียน Resume ที่ดีควรทำยังไง ?เมื่อพูดถึงประวัติการทำงาน หลายคนคงนึกถึงการเขียนประวัติลง Resume ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก การเขียนประวัติการทำงานที่ดี ก็เหมือนคุณมีใบผ่านทางที่ดี เพราะเจ้าประวัติการทำงานนี้จะเป็นสิ่งที่จะการันตีถึงประสบการณ์ในการทำงานของแต่ละคน และสามารถทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่าสนใจอย่างมากในสายตาผู้อ่าน

การเขียนแนะนำตัวก็ต้องเขียนประสบการณ์การทำงานของตัวเองลงไปไม่ใช่หรอ ? แล้วมันต่างกับประวัติการทำงานที่ Talance จะนำมาเล่าตรงไหน?

เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ วิธีเขียน Resume ที่ดีควรเริ่มจากการเขียนแนะนำตัวฉบับย่อ (Summary Statement) ซึ่งเป็นการแนะนำตัวเองคร่าว ๆ ให้คนอ่านรู้จักคุณ เพียงแค่บอกชื่อ – นามสกุล ตำแหน่งงาน และประสบการณ์ทั้งหมดที่คุณมี มาสรุปเป็นภาพรวมย่อ ๆ ให้อ่านเข้าใจภายใน 2 – 4 บรรทัด

ส่วนการเขียน ประวัติการทำงานใน Resume จะเป็นการอธิบายประสบการณ์การทำงานของคุณอีกที แต่เป็นการอธิบายโดยละเอียด คือคุณต้องนำประสบการณ์หรืองานโปรเจกต์ของคุณมาโชว์แยกเป็นรายการตรงส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัทที่เคยทำงานหรือทำงานให้อยู่ หรือโปรเจกต์ที่คุณรับผิดชอบ ถ้าสามารถบอกหน้าที่ในโปรเจกต์ หรือความสำเร็จทั้งที่วัดผลได้หรือจะวัดไม่ได้ด้วยจะถือว่าเป็นประวัติการทำงานที่น่าดึงดูดมาก

กระซิบนิดนึง…
สิ่งที่ HR หรือผู้ว่าจ้างอยากเห็น ประวัติการทำงานใน Resume ของ Developer คือ ข้อมูลโปรเจกต์ รายละเอียดงาน และทักษะที่ใช้ในแต่ละโปรเจกต์ เชื่อเถอะว่าชื่อบริษัทกับตำแหน่ง สำหรับผู้ว่าจ้างแล้วมันไม่ได้น่าสนใจเท่าประสบการณ์จริงของคุณหรอก

วิธีเขียน ประวัติการทำงานใน Resume ที่ดี ต้องใส่อะไรลงไปบ้าง?

1. ข้อมูลโปรเจกต์ คือภาพรวมโปรเจกต์หรืองานที่คุณเคยทำ มีส่วนช่วยให้คนที่อ่านสามารถรับรู้ว่าเคยผ่านงานแบบไหนมาบ้าง ยิ่งถ้าเป็นโปรเจกต์ที่มีลักษณะคล้ายกับสิ่งที่ทางผู้ว่าจ้างกำลังต้องการยิ่งทำให้คนอ่านสนใจในตัวคุณมากขึ้น ซึ่งรายละเอียดสำหรับข้อมูลโปรเจกต์ที่ควรใส่ใน Resume ประกอบไปด้วย

  • ชื่อโปรเจกต์
  • ตำแหน่งในโปรเจกต์
  • ผู้ว่าจ้าง / บริษัท
  • ประเภทอุตสาหกรรม
  • ตัวอย่างผลงาน / URL
  • ระยะเวลาที่ทำโปรเจกต์

2. รายละเอียดงาน คือ เนื้อหาของงานที่คุณรับผิดชอบในโปรเจกต์นั้น ๆ ว่าระหว่างปฏิบัติหน้าที่คุณได้มีส่วนร่วมอะไร และผลลัพธ์ของการทำงานนี้เป็นยังไง เรามักจะเห็นการเขียนรายละเอียดงานเป็นประโยคยาว ๆ โดย วิธีเขียน Resume สำหรับหัวข้อรายละเอียดงานนั้นเนื้อหาที่ปราฏใน Resume ควรประกอบไปด้วย 2 หัวข้อ ได้แก่

  • หน้าที่ / ความรับผิดชอบ
  • ความสำเร็จ

ยกตัวอย่างการเขียนรายละเอียดงาน เช่น

Refactored and upgraded the continuous integration code of our main repository and created a gem to make available to other projects.

3. (สำหรับ Developer) ทักษะ พวก Languages, Frameworks, Libraries หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ทำประกอบโปรเจกต์นั้น ๆ เป็นส่วนที่แสดงถึงความชำนาญของแต่ละคน เพราะยิ่งจำนวนโปรเจกต์ที่มีทักษะเดียวกันหลาย ๆ โปรเจกต์อยู่ในส่วนของประวัติการทำงานมีจำนวนมากเท่าไหร่ ก็สะท้อนกลับมาถึงความสามารถของคุณเอง ดีกว่าการเอาสกิลที่ชำนาญ ไปผสมรวมกับสกิลอื่น ๆ ที่คุณอาจจะใช้คำว่าทำได้ในส่วนของ Skill ที่หลาย ๆ คนมักชอบใส่ลงในเรซูเม่อย่างแน่นอน

สำหรับ Developer ที่สนใจเรียนรู้ วิธีเขียน Resume แบบมืออาชีพ สามารถดูตัวอย่างได้ที่ เทคนิคการทำ Resume สำหรับ Developer


สรุป
วิธีเขียน Resume ที่ดีนั้น เราควรใส่ประวัติการทำงานลงไปใน Resume ด้วย ซึ่งประวัติการทำงานเป็นส่วนสำคัญที่สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนประสบการณ์ของผู้สมัครได้ตรงที่สุด เป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ผู้ว่าจ้างเข้ามาสนใจจากงานที่คุณเคยทำ การเขียนประวัติการทำงานให้ดีถึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก Talance หวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนประวัติการทำงานที่เราเอามาแบ่งปันจะช่วยให้คุณสร้างประวัติการทำงานเจ๋ง ๆ ของตัวเองขึ้นมาได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

บทความที่เกี่ยวข้อง

อยากเป็น Hacker? มาทำความรู้จักกับ Ethical Hacker กัน !

หลายคนคงพอรู้จักคำว่า “Hacker” กันไม่มากก็น้อย ซึ่งมันก็หมายถึงบุคคลที่มีสามารถในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้าไปเจาะระบบต

Jo

11 Mar 2023 | 2 นาทีอ่าน

มาส่องกัน! ตำแหน่งสายงาน IT ทำหน้าที่อะไรบ้าง ?

ในแต่ละสายงานนั่นมีอาชีพที่หลากหลายและต่างก็มีความต้องการในตลาดเป็นอย่างสูง แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในยุคดิจิทอลนั

Jo

21 Feb 2023 | 2 นาทีอ่าน