เจาะลึกการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานยังไงให้มืออาชีพ
การได้เตรียมตัวก่อนไปสัมภาษณ์งานจะช่วยให้เราได้เป็นผู้สมัครที่มืออาชีพขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรก หรือไม่ใช่ครั้งแรก เราก็ควรที่จะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าอยู่เสมอ เพราะตลาดอาชีพก็มีความเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ละคำถาม คุณสมบัติผู้สมัคร ที่แต่ละบริษัทมองหาก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย การเตรียมตัวไปก่อนจะช่วยสร้างความประทับใจ และช่วยเราไม่ตกม้าตายตอนสัมภาษณ์ได้
ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ออนไลน์หรือการพบเจอกัน การเตรียมตัวเหล่านี้ก็ช่วยคุณได้ในการรับมือกับสิ่งที่ต้องเจอ หรือแม้กระทั่งรับมือกับความตื่นเต้นของตัวเองอีก นี่คือวิธีเตรียมตัวสัมภาษณ์งานที่ช่วยได้ทั้งการตอบคำถาม รับมือกับคำถาม รวมไปถึงการวางตัวการแต่งกาย และจัดการอารมณ์ของเราในระหว่างสัมภาษณ์ ได้ดังนี้
หาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวอยู่เสมอ
เริ่มเตรียมตัวจากการศึกษาข้อมูลบริษัทที่เราสนใจอยากทำงานด้วย ทำให้เราทราบถึงวัฒนธรรมบริษัท ค่านิยมของบริษัท รู้เป็นพื้นฐานไว้เตรียมตัวจะดีกว่า
ค้นหาข่าวล่าสุดของบริษัทมาอ่านเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะเราเองก็มีสิทธิ์เลือกบริษัทที่จะทำงานในอนาคต ค้นหาว่าพนักงานเก่า หรือพนักงานที่กำลังทำงานอยู่เขาพูดถึงบริษัทยังไง เพราะเดี๋ยวนี้จะมีการรีวิวที่ทำงาน รีวิวสวัสดิการ หรือแม้กระทั่งรีวิวการเดินทางไปทำงาน ร้านอาหารใกล้เคียง รวบรวมค่าใช้จ่ายในการทำงาน แบบนี้จะช่วยเราเตรียมตัวได้เยอะเลย
หา Blog ของบริษัทมาอ่าน เดี๋ยวนี้บริษัทแต่ละบริษัทมักชอบใช้ช่องทางสื่อต่าง ๆ ในการเขียนโปรโมท หรือเขียนนำเสนอข้อมูลของบริษัทให้ทราบถึงวัฒนธรรม ค่านิยม ผ่าน Blog ที่บริษัทลงได้อีกด้วย
ใส่ใจใน Job Description
เนื้อหาใน JD จะบอกเราได้ชัดเจนว่าบริษัทต้องการพนักงานที่มีทักษะแบบไหนบ้างหรือมีประสบการณ์อะไรมาแล้วบ้าง เพราะหากเราได้อ่าน JD อย่างละเอียด เราก็จะรับรู้ได้ว่าตัวเองขาดทักษาะตรงไหนไปบ้าง และเราสามารถไปพัฒนาทักษะนั้นทันไหมก่อนที่จะเริ่มสัมภาษณ์งาน
บางทักษะก็มีหลักสูตรเปิดให้เราเรียนรู้ทางออนไลน์ได้ เช่น การตลาดดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถเรียนออนไลน์ได้ที่ Harvard Business School Online, LinkedIn Learning, และ Coursera
นอกจากทักษะที่จะบอกเราแล้ว JD ก็สามารถบอกถึงวัฒนธรรม บอกถึงว่าเขาเปิดกว้างในการรับสมัครพนักงานไหม เพศ อายุ ประสบการณ์ได้อีกด้วย
ฝึกการตอบคำถามยอดฮิตที่ต้องเจอ
ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรก หรือไม่ใช่ครั้งแรก แต่เราจะต้องเจอกับคำถามยอดฮิตที่จะถูกนำมาถามเราอยู่แล้ว ซึ่งการฝึกตอบคำถามไว้ก็ช่วยให้เราไม่ตื่นเต้นเมื่อต้องเจอจริง ๆ บางคำถามที่เราพบเจอบ่อย แต่ถ้าหากไม่ได้เตรียมตัวไปก็อาจทำให้เราช็อตไมค์ได้
และไม่ใช่แค่คำตอบของเราเท่านั้นที่มีผล แต่เขาอาจดูวิธีการตอบของเรา และดูความคิดของเราเกี่ยวกับคำถามของเขา เช่น ให้เรายกตัวอย่างปัญหาที่เราเคยเจอจากที่ทำงานเก่า และเราแก้ไขมันยังไง คำถามแนวนี้จะดูวิถีรับมือของเรา และดูว่าเรามองเห็นเรื่องอะไรบ้างที่เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา คำตอบพวกนี้จะแสดงให้เห็นถึงกระบวนการคิดกระบวนการแก้ไขปัญหาของเราในฐานะพนักงานคนนึง
พัฒนาทักษะการสื่อสารของตัวเอง
นอกจากคำตอบที่มีให้กับบริษัทแล้ว ภาษากายของเราก็มีส่วนช่วยในการสร้างบรรยากาศที่ดี สร้างความประทับใจแก่คนที่พูดคุยกับเราอยู่ได้ ภาษากายที่แสดงออกมาก็เช่น การยิ้ม การมองตา การนั่ง การวางมือ ที่คู่สนทนาจะรับรู้เลยว่าเรารู้สึกอึดอัดกับบทสนทนาตรงหน้าหรือไม่
แม้ว่าเราจะไม่รู้สึกอึดอัด ตึงเครียด แต่วิธีการพูดคืออย่าพูดเหมือนพูดคุยกับเพื่อนมากนัก เราควรรักษาไว้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ ในการพูดคุยกึ่งทางการ รู้ว่าควรแสดงอารมณ์อะไรในหัวข้อสนทนานั้น ยิ้ม และขำ เมื่อเป็นบทสนทนาที่เราเห็นสมควร ไม่งั้นจะทำให้เรานั้นดูไม่จริงจัง เพราะการควบคุมอารมณ์ก็สำคัญหากคนที่มาสัมภาษณ์เรานั้นเป็นผู้บริหารระดับสูง
ให้ความสำคัญกับการแต่งกายของตัวเอง
การแต่งกายเป็น First impressions ที่คนสัมภาษณ์จะได้รู้จักเราผ่านการแต่งกายเป็นสิ่งแรก การแต่งกายบ่งบอกได้ถึงรสนิยม และบ่งบอกถึงการเตรียมตัวมาดีหรือไม่ ในการเลือกเสื้อผ้า การเตรียมเสื้อผ้าไว้ล่วงหน้าให้เหมาะกับสถานการณ์
การแต่งกายควรเป็นชุดสุภาพที่ทำให้เราขยับตัวได้สะดวก และเป็นตัวเรามากที่สุด ควรแต่งกายที่สะอาด เรียบร้อย และเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับบริษัทที่เราเลือกไปสัมภาษณ์ บริษัทไม่ได้มองหาคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง หรือแต่งตัวดีที่สุด แต่มองหาคนที่แต่งตัวได้เหมาะสม
ไม่ลืมเอกสารสำคัญในวันสัมภาษณ์งาน
การเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการทำงาน และแสดงถึงความรับผิดชอบในตัวเองอีกด้วย เพราะการไปสัมภาษณ์งาน อาจมีเอกสารที่บริษัทต้องการ ซึ่งอาจจะเขียนบอกไว้ในรายละเอียดการสมัคร หรือหากบริษัทไม่ได้เขียนไว้ เราเองก็ควรที่จะสอบถามไว้ว่าทางบริษัทต้องการเอกสารอะไรบ้าง
เอกสารที่บริษัทมักจะขอก็เช่น สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการเรียนจบ สำเนาเรซูเม่ หรือรวมถึงตัวอย่างผลงานที่เราเคยทำมา ก็คือ พอร์ตโฟลิโอหรือตัวอย่างการเขียน การเตรียมไปเผื่อเหลือดีกว่าขาด หากมีข้อมูลของตัวเองเยอะก็อาจได้นำเสนอตัวเองไปในตัวอีกด้วย
เตรียมคำถาม เพื่อถามกลับแบบมือโปร
สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ เรามักจะเจอคำถามที่ว่า มีอะไรจะถามเพิ่มเติมไหม หลายคนตกม้าตายตรงนี้ ตรงที่ไม่รู้จะถามอะไร แต่จริง ๆ แล้ว ตรงนี้วัดได้เลยว่าเราเตรียมตัวและกระตือรือร้นขนาดไหน
การเตรียมคำถามไปถาม แสดงถึงความสนใจของเราต่อบริษัทของเขาอีกด้วย
เรียบเรียงคำพูด ประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ให้งง
ทุกครั้งก่อนตอบคำถาม เราจะต้องทำการเรียบเรียงคำพูดของเราให้กระชับ และเข้าใจง่าย เพราะบริษัทอาจถามถึงประสบการณ์ที่เราผ่านมา หรือให้เราเล่าให้ฟัง ซึ่งควรเรียบเรียงกับตัวเองไว้เนิ่น ๆ ว่าเราควรจะตอบยังไง เพราะบางครั้งเราอาจเล่าวกไปวนมา ซึ่งจะทำให้ดูไม่น่าฟัง และคนฟังก็จะจำไม่ได้ว่าเราเล่าอะไรมาบ้าง
บางบริษัทที่เราไปสมัครก็อาจจะอยากรับรู้ถึงโปรเจกต์งานที่เราทำมาด้วย เราควรเตรียมตัวเรียบเรียงโปรเจกต์ที่เราทำมาในแต่ละปีว่าเราทำอะไรมาบ้าง และผลลัพธ์ของโปรเจกต์เป็นยังไงบ้าง ยิ่งเราสามารถเล่าได้อย่างไม่ติดขัด และกระชับเข้าใจง่าย ก็ยิ่งน่าฟัง และทำให้คู่สนทนาจำได้ว่าเราเคยทำโปรเจกต์อะไรมาบ้าง
ศึกษาข้อมูลผู้ที่จะมาสัมภาษณ์เรา
ก่อนจะไปสัมภาษณ์งานลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่จะมาสัมภาษณ์เรา ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยเราในกระบวนการสัมภาษณ์ แต่ก็ช่วยให้เราได้รู้จักหน้าตา และตำแหน่งงานของเขาคร่าว ๆ เพื่อการเตรียมตัวไม่ให้ตื่นเต้นเอง ลดความเกร็ง ความอึดอัดในระหว่างการสัมภาษณ์ได้
หากทราบถึงตำแหน่งงานของผู้ที่มาสัมภาษณ์เรา เราก็อาจได้สอบถามถึงการทำงานในบริษัท เพื่อนร่วมทีม ว่าเป็นอย่างไรในความคิดของเขาที่ไม่ได้ผ่านความคิดของวัฒนธรรมของบริษัท ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคนที่ทำงานมาก่อน ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกบริษัทได้ง่ายขึ้น
สรุป
นี่เป็นเพียงแต่วิธีการเตรียมตัวในการไปสัมภาษณ์ แต่เราเองก็ต้องลองเอาไปปรับใช้ว่าทำตามวิธีแบบไหนที่เหมาะกับเรา เพราะการได้ไปสัมภาษณ์งานนั้นช่วยให้เราได้มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกบริษัทว่าเหมาะกับเราหรือไม่ ไม่ใช่แค่บริษัทที่เลือกเรา แต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเลือก การเตรียมตัวมาดีก็ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดูมืออาชีพให้แก่เรา เพิ่มโอกาสให้เราเป็นผู้สัมภาษณ์ที่โดดเด่น และสร้างความประทับใจแก่คู่สนทนาได้