เงินเดือนไม่พอ ห้ามพลาด ! 10 อาชีพสาย Tech ในอนาคต ที่ควรจับตามอง
เคยสงสัยกันไหมว่า ในอนาคต อาชีพไหนจะยังคงมีความมั่นคงและไม่หายไปกับกาลเวลา?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและโลกการทำงานอย่างมาก อาชีพที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจึงมีความได้เปรียบทั้งในตอนนี้และอนาคต รวมทั้งได้กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง
ถึงตรงนี้ทุกคนคงจะเริ่มสงสัยแล้วว่า อาชีพสายเทคที่กลายเป็น “อาชีพในอนาคต” เหล่านี้ มีอาชีพอะไรบ้าง แต่ละงานต้องทำหน้าที่อะไร ใช้ทักษะแบบไหน และจะมีวิธีการยังไงให้เราสามารถพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้ดีขึ้น วันนี้ Talance ได้รวบรวม 10 อาชีพสายเทคในอนาคต ที่คุณไม่ควรพลาดมาไว้ในบทความนี้แล้ว ครบจบในที่เดียว!
ส่องเทรนด์การทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า
จากรายงานเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานในอนาคตโดย World Economic Forum ระบุว่า เทคโนโลยีใหม่ๆจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า และมีสถิติที่น่าสนใจต่างๆดังนี้
- 85% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจยืนยันว่า การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่และเทรนด์การทำงานแบบดิจิทัลจะทำให้องค์กรสามารถพัฒนาต่อไปได้
- 75% ขององค์กรมีแผนที่จะนำนวัตกรรมใหม่ ระบบคลาวด์ และ AI มาปรับใช้ในการทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า
- 86% จะนำ Digital Platform และแอปพลิเคชันมาใช้ในบริษัท
- 75% จะนำ E-commerce และการค้าดิจิทัลมาใช้ในการทำธุรกิจ
- 75% จะนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence / AI) มาใช้ในองค์กรและคาดว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน โดย 50% ของจำนวนนี้คาดว่า AI จะสร้างการเติบโตของงานมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า เทคโนโลยีส่วนใหญ่จะให้ผลกระทบเชิงบวกต่อการทำงานในอนาคต โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเข้ารหัส (Encryption) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของงานที่สุด
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาและถูกนำมาใช้มากขึ้น อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก็เลยโตเร็วตามไปด้วย อาชีพเกี่ยวกับ AI and Machine Learning ถือว่าเป็นอาชีพที่โตเร็วในอันดับต้น ส่วนอาชีพอื่นๆในสายเทคก็มีอนาคตที่สดใสเช่นกัน รวมถึงสกิลทางด้านเทคโนโลยีก็เป็นทักษะสำคัญที่คนทำงานทุกคนควรมีและพัฒนาให้ดีขึ้น ไม่ได้เป็นสกิลที่จำกัดเฉพาะคนสายเทคเท่านั้น
เมื่อรู้ถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อเทรนด์การทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้าแล้ว เราจะมาส่อง 10 อาชีพสาย Tech ในอนาคตที่ควรจับตามองกัน ไปทำความรู้จักพร้อมๆกันเลย!
AI and Machine Learning Engineer
มาเริ่มกันที่อาชีพแรก AI and Machine Learning Engineer อย่างที่ได้บอกไปตอนต้นว่า อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Machine Learning เป็นอาชีพที่โตเร็วในอันดับต้น เพราะบริษัทต่างๆจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจของพวกเขา โดยธุรกิจที่ต้องใช้ Machine Learning ก็มีอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การเงิน E-commerce หรือการผลิตสินค้า เมื่อมีความต้องการที่สูง เงินเดือนของอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Machine จึงสูงตามไปด้วย
Job description:
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Machine Learning คือ การสร้างเครื่องมือที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้และทำงานด้วยตัวเองได้ตามที่ตั้งโปรแกรมไว้และไม่ต้องพึ่งพาการสั่งการของมนุษย์ตลอดเวลา ดังนั้นอาชีพของ AI and Machine Learning Engineer จึงเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ออกแบบ เขียนโปรแกรม พัฒนาระบบ ให้ AI สามารถคิดวิเคราะห์ คาดการณ์ และทำงานได้ด้วยตัวเอง ผู้ที่ทำอาชีพนี้จะต้องคิดวิธีการที่ทำให้ AI มีระบบที่ฉลาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่และตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้าน Programming (เข้าใจภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น Python, Java, etc.)
- ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
- เข้าใจกระบวนการ Machine Learning
- มีความเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และสถิติ
- เข้าใจเรื่องโครงสร้างข้อมูล การสร้างแบบจำลองข้อมูล
การพัฒนาทักษะ / Certificate อัพสกิล:
ส่วนใหญ่ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้จะเรียนจบอย่างน้อยระดับปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น Information Technology, Computer Engineering, Statistics หรือ Data Science และก็อาจจะต่อปริญญาโททางด้าน Artificial Intelligence โดยเฉพาะเพื่อให้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมี Certificate เพิ่มเติมต่างๆเพื่ออัพสกิล ดังนี้:
- The Masters in Artificial Intelligence, created in partnership with IBM
- Google Cloud Skills Boost -Machine Learning engineer learning path
- Machine Learning | Deep Learning | Explainer AI | AutoML
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 40,000 – 250,000 บาท / เดือน
- Freelance: 500 – 1,000 บาท / ชม.
Software and Applications Developer and Analyst
ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สำคัญมาก อย่างแรกคือเทคโนโลยีพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น Software and Applications Developer and Analyst เลยมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยสร้างและปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ พวกเขาจะสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆให้รองรับกับธุรกิจและสังคมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง รวมถึงอย่างที่เรารู้กันว่า บริษัทต่างๆจะนำแพลตฟอร์มดิจิตอล แอปพลิเคชัน ระบบคลาวด์ และเทคโนโลยีอื่นๆ มาปรับใช้ในธุรกิจมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ดังนั้นผู้ที่ทำอาชีพนี้จะช่วยสร้างสรรค์และดูแลระบบต่างๆเพื่อให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์กับธุรกิจรวมถึงลูกค้าของพวกเขาด้วย
Job description:
ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้ มีหน้าที่ออกแบบและสร้าง Software Applications ตามความต้องการของธุรกิจหลังจากที่สร้างแล้ว ก็ต้องทำการทดสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะทำงานอย่างมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังต้องคอยปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาระบบให้ดีขึ้นอีกด้วย
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้าน Programming (เข้าใจภาษา Python, Java, C++, etc.)
- เข้าใจ Software Development Life Cycle (วงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์)
- ทักษะการแก้ปัญหา
- ทักษะการจัดการฐานข้อมูล
- ทักษะการพัฒนาเว็บ
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ประกอบอาชีพนี้จะจบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อยในสาขาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์, Information Technology หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วนคนที่สนใจ Certificate ต่างๆสำหรับอัพสกิล เราก็ได้รวบรวมมาให้แล้ว:
- Software Engineering Master Certification (SEMC)
- Google Cloud Certified- Professional Cloud Developer
- Oracle Certified Professional, Java SE Developer
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 25,000 – 180,000 บาท / เดือน
- Freelance: 400 – 700 บาท / ชม.
Information Technology Services
คนที่ทำอาชีพนี้จะช่วยดูแล จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลในระบบของบริษัท ซึ่งจะช่วยองค์กรในการบริหารจัดการข้อมูลและตัดสินใจทางธุรกิจได้ รวมถึงช่วยปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของบริษัทจากการโจมตีทางไซเบอร์อีกด้วย
Job description:
ผู้ที่ทำอาชีพเกี่ยวกับ Information Technology Services จะมีหน้าที่ที่หลากหลายในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์, Networks และ โครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆในบริษัท เช่น ดูแลและจัดการระบบ Hardware และ Software ดูแล Networks ของบริษัทให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องเครือข่ายจากการถูกโจมตี รวมถึงวิเคราะห์และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบริษัท นอกจากนี้พวกเขายังคอยช่วยแก้ไขปัญหาด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นให้กับพนักงานในแผนกต่างๆอีกด้วย
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้าน Programming
- ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์
- มีความเข้าใจเรื่อง Computer Networks
- ทักษะด้านการสื่อสาร
- ทักษะการแก้ปัญหา
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
เรียนจบอย่างน้อยปริญญาตรีทางด้าน Computer Science, Information Technology, Computer Engineering แต่หากสนใจ Certificate ต่างๆเพื่ออัพสกิล สามารถดูได้ตามลิ้งค์นี้เลย:
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 20,000 – 80,000 บาท / เดือน
- Freelance: เริ่มต้นขั้นต่ำ 400 บาท / ชั่วโมง
Data Engineer
ถือได้ว่า Data Engineer เป็นอาชีพที่จำเป็นต้องมีในบริษัท เพราะพวกเขาจะช่วยสร้างและดูแลระบบที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นถ้าปราศจากอาชีพนี้ เหล่าอาชีพอื่นๆเช่น Data Scientist, Data Analyst ที่ต้องทำงานกับข้อมูลก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีตามไปด้วย นอกจากนี้พวกเขายังช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าข้อมูลของบริษัทจะมีคุณภาพและถูกต้อง
Job description:
Data Engineer จะทำการตั้งค่าระบบสำหรับจัดเก็บข้อมูล เพื่อให้ Data Scientist และ Data Analyst เอาไปใช้งานได้ต่อไป โดยหน้าที่ของพวกเขามีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง พัฒนาฐานข้อมูลหรือคลังข้อมูล , ออกแบบและสร้างการเชื่อมต่อ API เพื่อรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน , แปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องและพร้อมใช้งาน รวมถึงทำงานร่วมกับ Data Scientist และ Data Analyst ในการหาข้อมูลเชิงลึก เพื่อใช้ในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจต่อไป
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้าน Programming (การใช้ภาษา Python)
- ทักษะการออกแบบฐานข้อมูล SQL และ NoSQL
- มีความรู้ Machine Learning
- มีความรู้โครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์
- ทักษะการสื่อสารและประสานงาน
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
ปริญญาตรีทางด้าน Computer Science, Engineering, Applied Mathematics หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ก็ควรมี Certificate ด้วยหากคุณต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง
- Professional Data Engineer Certification
- AWS Certified Big Data
- Microsoft Certified: Azure Data Engineer Associate
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 30,000 – 250,000 บาท / เดือน
- Freelance: 400 – 800 บาท / ชม.
Data Scientist
องค์กรต้องการ Data Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล มาช่วยพัฒนาให้ธุรกิจดีขึ้น เพราะ Data Scientist สามารถนำข้อมูลมาสร้างโมเดลในการคำนวณผลได้ ซึ่งโมเดลนี้จะช่วยคาดการณ์ทิศทางของธุรกิจในอนาคต และทำให้บริษัทสามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นการลดงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะโมเดลที่นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลสร้างขึ้นจะช่วยมาแบ่งเบาการทำงานของพนักงาน และยังให้ข้อมูลที่แม่นยำ ถูกต้อง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจวัดผลได้ดีขึ้น
Job description:
หน้าที่ของคนอาชีพนี้คือการสร้างมูลค่าจากข้อมูล นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และนำมาสร้างเป็นโมเดล สิ่งที่พวกเขาต้องทำเริ่มตั้งแต่การเก็บข้อมูล เตรียมข้อมูลโดยการตัดข้อมูลที่ใช้งานไม่ได้ออกไป จากนั้นก็วิเคราะห์ข้อมูลและค้นหาข้อมูลเชิงลึกจากสิ่งที่ได้ เสร็จแล้วก็นำมาสร้างโมเดลเพื่อใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของธุรกิจในอนาคต ซึ่งในส่วนของการสร้างโมเดล จะมี Machine Learning มาเกี่ยวข้องด้วย Data Scientist จะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้และทำงานได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนของการนำเสนอข้อมูลและช่วยองค์กรในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วย
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้าน Programming (เข้าใจการใช้ภาษา Python, R, etc.)
- ทักษะด้านคณิตศาสตร์และสถิติ
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
- ทักษะการจัดการข้อมูล
- ทักาะการนำเสนอข้อมูล
- เข้าใจกระบวนการ Machine Learning
- เข้าใจในธุรกิจที่ทำ
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
เรียนคณะที่เกี่ยวกับสถิติ คณิตศาสตร์ Computer Science เป็นต้น
นอกจากนี้เรายังมี Certificate ที่เกี่ยวกับสายอาชีพนี้มาแนะนำ:
- Essential pandas for Data Science
- Professional Certificate in Data Science – Harvard University
- IBM Data Science Professional Certificate
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 40,000 – 250,000 บาท / เดือน
- Freelance: 500 – 1,200 บาท / ชม.
Data Analyst
ในปัจจุบันองค์กรให้ความสำคัญกับข้อมูลมากๆ เพราะการแข่งขันในแต่ละอุตสาหกรรมมีความเข้มข้น รวมถึงเทคโนโลยีก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเข้าใจในข้อมูลและนำมาช่วยวางกลยุทธ์ทางธุรกิจจะสร้างความได้เปรียบให้กับบริษัทเหนือคู่แข่ง อาชีพนี้จึงกลายเป็นที่ต้องการของบริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนักวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ เข้าใจเทรนด์การตลาด ความต้องการของลูกค้า รวมถึงจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับธุรกิจได้ด้วย
Job description:
หน้าที่ของ Data Analyst เริ่มตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลดิบและนำข้อมูลเหล่านั้นมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ หรือที่เรียกว่า Data Transformation จากนั้นก็นำข้อมูลที่แปลงเสร็จไปทำการวิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลให้แก่ลูกค้าหรือเจ้าของธุรกิจผ่านกระบวนการ Data Visualization หรือการใช้ Charts, Graphs ในการนำเสนอข้อมูลให้เห็นภาพและอยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย นอกจากนี้ Data Analyst ยังช่วยฝ่าย Management ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ผ่านการสร้างโมเดลหรือให้ข้อเสนอแนะจากข้อมูลที่มีเพื่อช่วยคาดการณ์ทิศทางของธุรกิจในอนาคต
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะทางคณิตศาสตร์และสถิติ
- ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์
- ทักษะการใช้เครื่องมือ เช่น Microsoft Excel, SQL
- มีความรู้ในด้านธุรกิจที่ตัวเองทำ
- ทักษะด้านการจัดการข้อมูล
- ทักษะการนำเสนอด้วย Graphs, Charts
- ทักษะการสื่อสาร
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
เรียนจบทางด้านสายคำนวณ เช่น เศรษฐศาสตร์ บัญชี ธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และยังสามารถหา Certificate เพื่ออัพสกิล ดังนี้:
- Chula MOOC – Introduction to Data Analytics and Big Data
- IBM Data Analyst Professional Certificate
- Google Data Analytics Professional Certificate
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 30,000 – 90,000 บาท / เดือน
- Freelance: เริ่มต้นขั้นต่ำ 400 บาท / ชั่วโมง
System Analyst
System Analyst หรือนักวิเคราะห์ระบบนั้น เป็นคนที่จะสามารถเชื่อมทีมธุรกิจและทีมเทคโนโลยีของบริษัทเข้าด้วยกันได้ พวกเขาจะนำความต้องการของธุรกิจมาแปลงเป็นข้อกำหนดทางเทคนิค นอกจากนี้พวกเขายังช่วยแนะนำการปรับปรุงระบบเพื่อให้บริษัททำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
Job description:
โดยส่วนใหญ่แล้ว System Analyst จะทำหน้าที่ครอบคลุมตั้งแต่ทำความเข้าใจสิ่งที่ธุรกิจต้องการ ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนาระบบสารสนเทศของบริษัท ดูเรื่องการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้กับองค์กร เลือกการใช้อุปกรณ์ Software Hardware ต่างๆให้เหมาะสม รวมถึงทำการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบและเสนอวิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะการวิเคราะห์
- ทักษะทางเทคนิค เข้าใจระบบ Hardware Software
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะการจัดการโปรเจค
- ทักษะการแก้ปัญหา
- มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
ศึกษามาทางด้าน Computer Science, Information Technology หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าหากอยากได้ Certificate เพิ่มเติม ก็ดูจากข้อมูลด้านล่างได้เลย
- The Certified in the Governance of Enterprise IT® (CGEIT®)
- Certified Information Systems Auditor® (CISA®)
- Certified Business Analysis Professional (CBAP®)
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 30,000 – 180,000 บาท / เดือน
- Freelance: 400 – 1,000 บาท / ชม.
Digital Transformation Consultant
ปฎิเสธไม่ได้ว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นบริษัทจึงต้องการ Digital Transformation Consultant ในการแนะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาช่วยดำเนินธุรกิจของพวกเขา รวมถึงวางกลยุทธ์ทางธุรกิจต่างๆโดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ซึ่งพวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้บริษัทเติบโตได้ทันโลกที่หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง และก้าวได้ทันคู่แข่งอีกด้วย
Job description:
การช่วยให้บริษัทสามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆและกลยุทธ์ทางการตลาดดิจิทัลมาปรับใช้กับพวกเขาได้ คือหน้าที่หลักของ Digital Transformation Consultant ผู้ที่ทำอาชีพนี้จะต้องเข้าใจเป้าหมายของธุรกิจที่พวกเขาทำงานด้วย รวมถึงออกแบบและสร้างวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้บริษัทนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปได้ กระบวนการทำงานของพวกเขาเริ่มตั้งแต่การประเมินเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วขององค์กรนั้นๆว่าสามารถปรับปรุงและแก้ไขตรงจุดไหนได้บ้าง จากนั้นพวกเขาก็จะสร้างกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมาให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร และช่วยองค์กรออกแบบวิธีการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในที่ทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะด้านเทคโนโลยี
- ทักษะการวางกลยุทธ์
- มีความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจ
- ทักษะการแก้ปัญหา
- ทักษะการจัดการโปรเจค
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
มีใบปริญญาทางด้าน Business, Computer Science, Engineering หรือหากต้องการ Certificate เพิ่มเติม ลองศึกษาดูที่ Link ด้านล่างได้เลย
- Certified Digital Transformation Professional (CDTP)
- Defining a Digital Transformation Roadmap
- Digital Transformation Program – Stanford School of Engineering
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 40,000 – 250,000 บาท / เดือน
- Freelance: เริ่มต้นขั้นต่ำ 400 บาท / ชั่วโมง
Project Manager
มาถึงอาชีพต่อมาซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ขาดไม่ได้ในองค์กร เนื่องจาก Project Manager จะช่วยให้โปรเจคต่างๆของธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ พวกเขาจะช่วยไกด์ทิศทางการทำงาน สร้างแรงจูงใจรวมถึงช่วยแก้ปัญหาให้กับทีม นอกจากนี้พวกเขายังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกในที่ทำงานอีกด้วย โดยข้อมูลจาก Project Management Institute ระบุว่า อาชีพ Project Manager จะเติบโตขึ้นถึง 33% หรือจะมีงานใหม่เกิดขึ้นในสายอาชีพนี้กว่า 22 ล้านงานภายในปี 2027 ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอาชีพที่โตเร็วและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก
Job description:
การจัดการโครงการ เป็นหน้าที่ที่สำคัญของ Project Manager ซึ่งคนกลุ่มนี้มีหน้าที่คิดสร้างสรรค์ วางแผน ควบคุม ดำเนินการ ดูแลติดตามและส่งมอบโปรเจคให้ได้ตามแพลนที่วางไว้ นอกจากนี้พวกเขายังต้องคอยดูแลสมาชิกในทีมให้ทำงานได้ตามแผน รวมถึงดูแลทรัพยากรและงบประมาณที่ใช้ในโปรเจคด้วย
ทักษะที่ใช้:
- ทักษะความเป็นผู้นำ
- ทักษะการสื่อสาร
- ทักษะการจัดระเบียบ
- การจัดการความเสี่ยง
- ทักษะการแก้ปัญหา
- ทักษะการต่อรอง
- มีความรู้ด้านการเงิน
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
มีใบปริญญาในสาขาการจัดการ หรือธุรกิจ นอกจากนี้ยังมี Certificate ต่างๆที่ช่วยเพิ่มสกิลคุณได้
- Project Management Professional (PMP)®
- Certified Associate in Project Management (CAPM)®
- Certified ScrumMaster (CSM)
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 50,000 – 200,000 บาท / เดือน
- Freelance: 400 – 1,000 บาท / ชม.
Cyber Security
เดินทางมาถึงอาชีพสุดท้ายกันแล้ว ปัจจุบันองค์กรต่างๆมีการเก็บข้อมูลมากมายมหาศาล ดังนั้นความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากข้อมูลรั่วไหลหรือถูกโจมตี ก็อาจสร้างผลกระทบให้กับองค์กรอย่างประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้น การที่มี Cyber Security อยู่ในองค์กร จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะปลอดภัย นอกจากนี้อาชีพ Cyber Security กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากในปัจจุบัน เพราะยังมีผู้ที่ทำอาชีพนี้จำนวนไม่มาก ค่าตอบแทนก็เลยดีตามไปด้วย
Job description:
Cyber Security จะช่วยบริษัทในการดูแลปกป้องข้อมูล ระบบ และเครือข่ายต่างๆจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ หน้าที่ของพวกเขาคือการคิดกลยุทธ์ที่จะลดความเสี่ยงให้กับบริษัท สร้างกฎระเบียบหรือขั้นตอนปฏิบัติเพื่อรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ คิดแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นต่อข้อมูลขององค์กร รวมถึงกู้คืนระบบให้กลับมาใช้งานปกติได้เร็วที่สุด
ทักษะที่ใช้:
- มีความรู้เทคโนโลยี
- ทักษะการจัดการและลดความเสี่ยง
- มีความเข้าใจใน Cybersecurity, Cloud Security
- ทักษะการแก้ปัญหา
- มีความรับผิดชอบทางจริยธรรม
การพัฒนาทักษะ / Certificate เพิ่มสกิล:
เรียนมาทางด้าน Computer Science, Information Technology และอื่นๆ และถ้าใครอยากได้ Certificate เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง เราก็มี Certificate ดีๆมาแนะนำ
- Certified Ethical Hacker (CEH)
- Certified Information Systems Security Professional
- Certified Information Security Manager (CISM)
เรทค่าตอบแทน:
- Full time : 40,000 – 250,000 บาท / เดือน
- Freelance: เริ่มต้นขั้นต่ำ 400 บาท / ชั่วโมง
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 อาชีพสาย Tech ในอนาคตที่ควรจับตามอง จะเห็นได้ว่าอาชีพที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นใครที่สนใจอาชีพเหล่านี้ อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีและหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาเสนอจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจด้านอาชีพให้กับทุกคน