รวมเรื่องที่ลูกจ้างต้องรู้ เกี่ยวกับ “สัญญาจ้างงาน”
“ดีใจที่ได้งาน แต่อย่าพลาดเรื่องสัญญาจ้าง”
สัญญาจ้างเป็นสิ่งแรกที่เมื่อเราตกลงเข้าทำงานที่นึงแล้วจะต้องมีการเซ็นเกิดขึ้น แต่สัญญาจ้างนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หลาย ๆ คนอาจเผลอเซ็นไปโดยไม่รู้ว่านายจ้างเขียนอะไรลงไปบ้าง วันนี้เรามาทำความรู้จักสัญญาจ้างให้ละเอียดเพื่อผลประโยชน์ก่อนเซ็นกัน
จ้างงานปากเปล่าไม่มีหนังสือสัญญาจะเป็นปัญหาไหม
“เสี่ยงต่อการเกิดปัญหา”
เพราะหากมีเหตุการณ์ที่นายจ้างต้องการเลิกจ้าง อาจเกิดการโต้แย้งได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้ยืนยันว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่การถูกเลิกจ้าง
การจ้างงานมักจะต้องมีสัญญาเพื่อประกอบกฎหมาย และป้องกันความขัดแย้งในอนาคต ซึ่งสัญญาจ้างงานเป็นเอกสารทางกฎหมายที่จะระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำงานของลูกจ้าง และการจ้างงานของนายจ้าง
สัญญาจ้างงานมีประโยชน์สำคัญต่อทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเป็นเอกสารที่จะช่วยในเรื่องความชัดเจนด้านเงื่อนไข และความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย ซึ่งประโยชน์หลักของสัญญาจ้างงานที่เราจะนำมาให้ทุกคนได้รู้มี 5 ข้อดังนี้
1. ความชัดเจนของสัญญาจ้างงานช่วยกำหนดความชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิ และความรับผิดชอบของลูกจ้างและนายจ้าง ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันในระหว่างร่วมงาน
2. เป็นการป้องกันความขัดแย้งในสัญญาจ้างงานช่วยป้องกันความขัดแย้งทางกฎหมาย หากเกิดข้อโต้แย้งในอนาคตเกี่ยวกับข้อกำหนดหรือสิทธิในสัญญา สัญญาจะเป็นเอกสารหลักที่ใช้ในการแก้ไขข้อขัดแย้ง และเป็นหลักฐานอีกด้วย
3. ความลับและความรับผิดชอบ สัญญาจ้างงานมักรวมข้อกำหนดเกี่ยวกับความลับ การรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ และการรับผิดชอบต่อความลับขององค์กรของพนักงานระหว่างร่วมงานกันอีกด้วย
4. การชำระเงินและสวัสดิการ ในสัญญาจ้างงานระบุรายละเอียดเงินเดือน วิธีการจ่ายเงิน การสวัสดิการ และค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ลูกจ้างจะได้รับ เพื่อผลประโยชน์ที่เราเองควรรู้ก่อนตกลงทำงานที่ไหน
5. การสิ้นสุดสัญญา สัญญาจ้างงานจะมีการระบุข้อกำหนดเกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญา หรือเงื่อนไขอื่นๆ เกี่ยวกับการสิ้นสุดสัญญา เพื่อความชัดเจนในการลาออกกลางคัน หรือการยกเลิกจ้าง
ประโยชน์ของสัญญาจ้างนั้น ทำขึ้นเพื่อประโยชน์ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อการร่วมงานกันอย่างราบรื่น โดยถึงแม้ว่าจะไม่มีการทำเป็นหนังสือสัญญาจ้างแรงงาน แต่นายจ้างมีการให้ลูกจ้างมาช่วยทำงาน ก็ถือว่ามี “สัญญาจ้างแรงงาน” เกิดขึ้นแล้ว
รู้ครบทุกสัญญาจ้างก่อนเซ็น เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๕ บัญญัติว่า สัญญาจ้างแรงงาน หมายถึง “สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ลูกจ้าง ตกลงทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะจ่ายสินจ้างให้ตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้” ข้อสังเกตอีกอย่างที่สำคัญก็คือ นายจ้างจะต้องมีอำนาจในการบังคับบัญชาลูกจ้างได้อีกด้วย
โดยสิ่งที่ลูกจ้างควรรู้นั้น ขั้นตอนสำคัญ คือ การเซ็นสัญญาจ้างงาน ซึ่งในหัวข้อนี้ เราจะพามาทำความเข้าใจลักษณะการจ้างงานแต่ละประเภทให้ถูกต้อง อะไรบ้างที่ควรดูให้ดีก่อนเซ็นสัญญา และแต่ละประเภทสัญญามีกฎหมายบังคับใช้อย่างไรบ้าง
- สัญญาจ้างงานไม่มีระยะเวลา หรือสัญญาจ้างงานบางครั้งไม่มีระยะเวลาที่กำหนดไว้ ลูกจ้างและนายจ้างสามารถสิ้นสุดสัญญาได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องระบุเหตุผล
- สัญญาจ้างงานระยะกำหนด กำหนดระยะเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการจ้างงาน เช่น สัญญาจ้างงาน 1 ปีหรือสัญญาจ้างงานตามโครงการ
- สัญญาจ้างงานที่มีระยะเวลาไม่มั่นคง สัญญานี้กำหนดระยะเวลาที่ไม่มั่นคง ซึ่งอาจมีการบอกเลิกได้จากทั้งสองฝ่าย
- สัญญาจ้างงานเวร สำหรับงานที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี เช่น งานในวันหยุดสุดสัปดาห์หรืองานฤดูร้อน
- สัญญาจ้างงานแบบกิจการ ระบุลักษณะงานที่ต้องทำและเงื่อนไขการจ้างงานของผู้ทำงานอิสระ แทนการจ้างงานแบบเป็นลูกจ้าง
- สัญญาจ้างงานสัญญาบริการ ใช้สำหรับบริการที่เป็นบริการแบบอิสระและไม่ใช่การจ้างงานเป็นลูกจ้าง
- สัญญาจ้างงานรายคัด ทำงานตามระยะเวลาที่ไม่เต็มเวลา, ซึ่งลูกจ้างทำงานเพียงบางส่วนของเวลาการทำงานปกติ
- สัญญาจ้างงานระยะประจำ กำหนดการจ้างงานเป็นลูกจ้างยาวนานและมีสวัสดิการและความมั่นคง
- สัญญาจ้างงานแบบออนไลน์ สำหรับงานออนไลน์หรือระยะไกลที่ใช้สัญญาออนไลน์
สัญญาจ้างงานมีลักษณะแตกต่างกันตามงานและเงื่อนไข ซึ่งก่อนจะทำการเซ็นก็ต้องดูด้วยว่าสัญญาที่เซ็นนั้นตรงตามประเภทงานที่เราสมัครไปหรือไม่ เพื่อที่เราจะไม่เสียผลประโยชน์ หรือมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในภายหลัง
สัญญาจ้างงาน ก่อนเซ็นต้องดูอะไรบ้าง
เอกสารแรกทีเราจะได้เจอก่อนเข้าไปทำงานนั้นก็คือ “หนังสือสัญญาจ้างงาน” เพราะนั้นหมายถึงเรามีคุณสมบัติตรงตามที่เขาต้องการ และได้ผ่านการสัมภาษณ์งานขององค์กรเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะตกลงเซ็นนั้นเราควรมาดูว่าก่อนเซ็นต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ในอนาคต
1. ไม่ต้องรีบเซ็น เพราะอ่านรอบเดียวอาจเกิดปัญหาแน่!
อย่าเพิ่งใจร้อนรีบเซ็น เรายังมีเวลาในการทบทวนดีๆ เพราะควรอ่านอย่างน้อยสองรอบเพื่อไม่ให้พลาดข้อกำหนดต่าง ๆ เงื่อนไข สวัสดิการ หรือว่ารายได้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อเราตลอดระยะเวลาในการทำงานที่นี่
2. ดูให้ชัดว่าทำไม่เกินหน้าที่ตัวเอง
ควรดูว่าตำแหน่งและความรับผิดชอบของเรานั้น ระบุไว้ชัดเจนหรือยังหากไม่ตรงเราควรถามฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัททันที และถามถึงค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาหรือทำงานที่นอกเหนือความรับผิดชอบของเราอีกด้วย
3. อย่าพลาดกฎของบริษัทเด็ดขาด
เงื่อนไขและกฎ ที่เราจะต้องปฏิบัติตาม เพราะเมื่อเราเซ็นไปแล้วเราจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลประโยชน์และความรับผิดชอบต่าง ๆ เช่น เวลาเข้างาน ชั่วโมงในการทำงาน วันหยุด วันลา ระยะเวลาในการทดลองงาน รวมไปถึงเงื่อนไขที่หากเราลาออกจากบริษัท เราจะต้องแจ้งแผนกทรัพยากรบุคคล ล่วงหน้ากี่วัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองทั้งนั้น
4. ได้งานตรงใจแต่อย่าลืมดูสวัสดิการด้วย
เป็นอีกสิ่งที่เวลาเรานั้นเลือกงาน จะต้องคำนึงและมองหาประกอบการตัดสินใจไปด้วย แม้ว่าตอนสมัครเขาจะแจ้งให้ทราบแล้ว แต่ว่าเราควรที่จะดูว่าในสัญญาจ้างนั้นมีสวัสดิการต่าง ๆ ตรงกับที่ได้รับแจ้งหรือไม่ และรวมถึงเรื่องของภาษีและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะนั้นจะทำให้เราวางแผนชีวิตในอนาคตได้ง่ายขึ้น
5. สำเนาสัญญา อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหา
ข้อนี้นั้นสำคัญมากในอนาคตหรือในตอนที่เกิดปัญญาขัดแย้งได้ เพราะเราก็สามารถที่จะอ้างอิงกฎรวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุเอาไว้ในสัญญาได้ จะทำให้เราไม่เสียเปรียบ แต่สัญญาจ้างงานก็ไม่ใช่เอกสารที่สามารถเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะได้ ควรระวังในการเผยแพร่เพื่อตัวเราเองจะไม่เสียเปรียบหรือถูกฟ้องร้อง
6. ระวังลาออกมาแล้วไม่ได้งานรองรับ
เราควรที่จะมีการเซ็นสัญญาในที่ทำงานใหม่ทุกครั้งก่อนที่จะเข้าทำงาน เพราะหลายๆครั้งที่เกิดการตกลงจ้างงานแบบปากเปล่า แต่ต่อมาก่อนที่จะเริ่มงานกลับเกิดการยกเลิกการจ้างงานก็มี ป้องกันการลาออกไปแล้ว แต่กลับไม่ได้ทำงาน
สรุป
เราควรเซ็นสัญญาจ้างงาน เพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา เพราะว่าในสัญญานั้นจะระบุสิ่งที่เราควรได้รับและเพื่อป้องกันการผิดใจกับนายจ้างภายหลัง สัญญาจ้างจะช่วยตัวเราเองในการเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ ที่เราควรได้รับ แต่ก่อนจะเซ็นก็ควรอ่านอย่างละเอียด รอบคอบ ตามที่บอกไว้ข้างต้น ควรศึกษาให้ดี และมีสติก่อนเซ็นทุกครั้ง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง