Project management trend 2022 EP.4 Cloud-first approach

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วทำให้กลยุทธ์แบบ Cloud-first มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ออกจากกรอบเดิมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้องค์กรรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เป็นผู้ควบคุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถที่จะรู้ได้ว่าเซิฟเวอร์สำคัญขององค์กรถูกติดตั้งอยู่ที่ใดของโลกบ้าง พร้อมทั้งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในโลกปัจจุบัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่ทราบดีว่าการประมวลผลแบบคลาวด์มีประโยชน์มากมายสำหรับองค์กรในอดีต โดยที่ผ่านมาองค์กรใช้เงินจำนวนมากไปกับเซิร์ฟเวอร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพื่อตอบสนองความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ของธุรกิจ แต่ด้วยวิวัฒนาการของบริการคลาวด์ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถมีพลังและพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นโดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยจากเดิม

Cloud-First คืออะไร?

หากจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายที่สุดกลยุทธ์แบบ Cloud-first คือ การเลือกใช้โซลูชันบนคลาวด์แทนที่จะสร้าง stack ของคุณขึ้นมาเอง โดยสามารถสมัครรับข้อมูลจากผู้ให้บริการที่ให้บริการซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ เช่น AWS, Google Cloud หรือ Microsoft Azure ดังนั้นแทนที่จะอาศัยการดำเนินงานภายในองค์กรแต่ เราจึงย้ายไปใช้โครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการแทนนั่นเอง

Cloud-First ไม่ได้หมายถึง Cloud Only

เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันอยู่บ่อย ๆ ว่าการประมวลผลบนโลกใบนี้ควรเข้าสู่ระบบ Cloud ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย หากมองถึงการทดสอบนำร่องในปี 2017 สำหรับ Internet of Things (IoT) แม้ว่าในที่สุดโปรแกรมนี้จะลงเอยด้วยการใช้ระบบคลาวน์แต่ก็ “เริ่มต้นจากการสร้าง stack ภายในองค์กร” เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมการทดสอบสำหรับการจัดเก็บข้อมูลและเวลาการในการตอบสนองของระบบตลอดจนทำความเข้าใจในกระบวนการโดยรวม

เทรนด์ของกลยุทธ์แบบ Cloud-first เริ่มมีมากขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วหลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเข้ามาโฟกัสและให้ความสำคัญกับกลยุทธ์แบบ Cloud-first ซึ่งนำโดยนโยบายทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานขององค์กรตลอดจนวัตถุประสงค์ของซอฟแวร์ด้วยเหตุผลหลายประการ

Cloud-First สำคัญไฉน

ไม่ว่าจะเป็น Cloud-Native หรือ Cloud-first ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีเหตุผลมากมายที่ธุรกิจเลือกกลยุทธ์แบบ Cloud-first เช่น ความสมดุล ต้นทุนที่ต่ำ หรือความสามารถในการปรับขนาด โดยผลประโยชน์เหล่านั้นมีความสำคัญต่อองค์กรต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง

มีผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่ากลยุทธ์แบบ Cloud-first จะเข้ามาเป็นแนวทางที่กระชับสำหรับการประมวลผลและบทบาทภายในองค์กรมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยปัจจุบันหลายองค์กรทั่วโลกได้ปรับใช้กลยุทธ์ร่วมกับธุรกิจโดยเน้นระบบคลาวด์เป็นอันดับแรก 

จากข้อมูลของ Gartner กล่าวว่าภายในปี 2025 ธุรกิจมากกว่า 85% จะใช้กลยุทธ์ที่เน้นระบบคลาวด์เป็นหลัก

ข้อดีของ Cloud-first x ข้อเสียของ Cloud-first

มีหลายสาเหตุที่การใช้กลยุทธ์แบบ Cloud-first เป็นข้อดีที่ทำให้องค์กรต่าง ๆ เลือกใช้เป็นจำนวนมาก แต่ระบบคลาวน์เองก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน ซึ่งหากให้แบ่งแยกเป็นหัวข้อต่าง ๆ ก็จะแบ่งแยกได้ดังต่อไปนี้

ข้อดีของ Cloud-first

ความสามารถในการ Scale

ถือเป็นประโยชน์ที่ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดบนการประมวลผลแบบคลาวน์ เนื่องจากระบบจะมีความสามารถในการ Scalability แบบอัตโนมัติพร้อมอนุญาตให้ผู้ใช้บริการปรับแต่งได้ตามที่พวกเขาต้องการ นั่นแปลว่า หากเว็บไซต์ของคุณมีการเข้าชมสูง พวกเขาจะอัปเกรดฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ของคุณทันที ดังนั้นคุณจะไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวังอย่างแน่นอน

ปรับแต่งการตั้งค่าได้ตามใจ

ข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับผู้ให้บริการการประมวลผลแบบคลาวด์คือ API ซึ่งจะช่วยให้ทีมพัฒนาของคุณสามารถกำหนดโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดได้เพียงการดึงข้อมูลจาก “หลังบ้าน” อีกทั้งยังสามารถกำหนดแนวทางหรือ pipeline ตามความต้องการของซอฟแวร์ได้อีกด้วย

ค่าใช้จ่ายถูกลง

ไม่ว่าธุรกิจใด ๆ ก็แล้วแต่ หากสามารถลดต้นทุนในผลิตภัณฑ์ของพวกเขาได้ย่อมเป็นจุดที่สร้างกำไรได้สูงสุดแต่สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก็คือคุณภาพของสินค้าจะต้องไม่ลดลงตามต้นทุนที่ลดลง ซึ่งระบบคลาวน์เป็นหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้องค์กรลดต้นทุนแต่เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นได้ อีกทั้งยังมีความโปร่งใสและมีความปลอดภัยมากกว่าอีกด้วย

สร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร

ไม่มีนักพัฒนาหรือวิศวกรซอฟแวร์คนไหนที่อยากตื่นขึ้นมาในระหว่างนอนตอนดึกเพื่อมาแก้ไขเซิฟเวอร์ที่ล่มหรือไฟฟ้าดับ แต่ทว่า Cloud จะช่วยเป็นผู้ดูแลให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ดูแลรักษาฮาร์ดแวร์และตรวจสอบว่าไฟฟ้าบนเครื่องเซิฟเวอร์ของคุณไม่ได้ดับลงในเวลาสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรของคุณได้รับความน่าเชื่อมากยิ่งขึ้น

ข้อเสียของ Cloud-first

ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานเสมอ

ด้วยการทำงานที่อยู่บน Cloud เป็นส่วนใหญ่มีความเสี่ยงที่พนักงานจะถูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเนื่องจากระบบทั้งหมดถูกทำงานโดยทีมผู้ให้บริการเป็นที่เรียบร้อยทำให้งานของผู้ควบคุมในองค์กรอาจน้อยลงจนทำให้พนักงานรู้สึกไม่ได้พัฒนาตนเองมากที่เท่าควรจนส่งผลให้พนักงานเลือกที่จะลาออกหรือย้ายตำแหน่งตัวเอง

ความปลอดภัย

แม้จะกล่าวว่า Cloud มีความปลอดภัยมากกว่าการเก็บข้อมูลไว้ในบริษัทแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันข้อมูลส่วนใหญ่อยู่บน Cloud เป็นจำนวนมากซึ่งอยู่บนผู้ให้บริการสำคัญเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น หากผู้ประสงค์ร้ายหรือแฮกเกอร์โจมตีเพื่อล้วงข้อมูลของผู้ให้บริการอาจทำให้ข้อมูลของลูกค้าหรือข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของบริษัทหลุดออกสู่สาธารณะได้

ปัญหาทางเทคนิค

ถือเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการใช้บริการ Cloud เลยก็ว่าได้ เนื่องจากหากผู้ให้บริการเกิดปัญหาทางเทคนิคอย่างเร่งด่วนอาจทำให้การสำรองข้อมูลหรือการดึงข้อมูลต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ แม้จะมีการแจ้งปัญหาสู่ผู้ให้บริการในทันทีแต่การรีเซ็ตเพื่อกลับมาออนไลน์ใหม่อีกทั้งอาจกินเวลานาน 30 นาทีถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้องค์กรของคุณได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน

ใช้ Cloud บริหารองค์กร

“การก้าวเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล การไม่ใช้เทคโนโลยี Cloud เปรียบเสมือนนักรบที่ออกรบโดยไม่มีอาวุธ” 

คำพูดดังกล่าวจะเห็นได้ว่า Cloud เป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยให้คุณสามารถก้าวเทียบเท่าหรือเหนือกว่าคู่แข่งของคุณได้ในยุคที่กระแส Big Data มาแรงเป็นอย่างมาก

หากองค์กรของคุณกำลังเผชิญหน้ากับการจัดการข้อมูลจำนวนมากรวมถึงนำข้อมูลมหาศาลมาเพื่อวิเคราะห์และเจาะลึกในด้านต่าง ๆ การจัดหาฮาร์ดแวร์สเปคแรง ๆ ที่แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูงอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

ดังนั้นการเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Cloud-first หรือการนำ Cloud เข้ามาปรับใช้ในองค์กรจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ทั้งนี้คุณต้องพิจารณาว่าการใช้กลยุทธ์ Cloud-first นั้นตอบโจทย์กับองค์กรตัวเองหรือไม่อาจจะต้องพิจารณาจากหัวข้อดังต่อไปนี้

1. ดูว่าการใช้งาน Cloud ตอบโจทย์กับองค์กรหรือไม่
2. มองหาบริการหรือแอปพลิเคชันที่เหมาะสมสำหรับขึ้น Cloud แล้วดีที่สุด เช่น ERP, CRM หรือ แอปพลิเคชันที่ใช้ Cloud-Native เป็นต้น โดยจะต้องพิจารณาจาก scalability และการลงทุน
3. ดูแนวโน้มในอนาคตว่าสามารถนำข้อมูลบน Cloud มาตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร

สรุป

การเปลี่ยนไปสู่วิธีการทำงานแบบใหม่นั้นเต็มไปด้วยความกังวลอยู่เสมอ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงและเพลิดเพลินไปกับกิจวัตรและความคุ้นเคย แต่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจของคุณก้าวเข้าสู่ทางเลือกที่ดีกว่าด้วยกลยุทธ์แบบ Cloud-first อาจช่วยให้องค์กรของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดดเหนือกว่าคู่แข่งของคุณได้